ผมขอยกตัวอย่างการขับ XV ครั้งแรกโดยยกรถ test drive มาเปรียบเทียบ กับ คันส้มของผม รถ Test drive XV sport 2015 ตอนทดลองขับครั้งแรก รถทดสอบ ของศูนย์พระราม 3 เป็นตัว XV sport 2015 วิ่งมาประมาณ 4000 km ปียางและลมยาง ผมไม่ได้ดู ความรู้สึกครั้งนั้น พวงมาลัยมีน้ำหนักมาก ใกล้เคียงปิคอัพ พวงมาลัยพาวเวอร์รุ่นเก่าๆ สัมผัสจากการควบคุม หนักแน่น ย้ำนะครับว่า หนักแน่นมาก เหมือนขับรถคันใหญ่ หนักแน่นกว่า Ranger 4 door Hi-rider หน้ายาง 265 ลมยาง 35 psi อีก ไม่เหมือนขับ ซีดาน B & C segment ญี่ปุ่น และทั้งสี่ล้อ มีความรู้สึกว่ามันดูดถนนตลอดเวลา ขับวันแรกเกร็งหน่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เต็มที่ เสียงยางบดถนนตรงรอยตรงได้ยินชัดเจน ตั้งแต่ความเร็ว 40-60 km/h หลังจากนั้นผมไปลองขับคันเดิม เป็นครั้งที่ 2 และ 3 สัมผัสความรู้สึกหนักแน่น ดูดถนน มันน้อยลงไป ผมก็แปลกใจ มานั่งคิดบางทีอาจจะเป็นเพราะผมคุ้นชินกับตัวรถ และใช้ความเร็วที่มากขึ้น 80-100 km/hr รถผม XV MC 2.0i-P ตอนขับจาก โชว์รูม อืมพวงมาลัย ไม่เห็นหนักเหมือนรถทดสอบเลย ก็เลยเลี้ยวไป บีควิก เช็คลมยาง ชัดเจน 37 psi หลังจากปรับลมยาง เป็นตามสเปค หน้า 220 Pascal หลัง 210 Pascal ความรู้สึกคือ ตำแหน่งขับขี่สูงจัง เหมือนพวก SUV เลย (คิดในใจ คงปกติเพราะมันคือ CUV) ที่ไหนได้ ขับไปสองวัน เอ้ย เราลืมปรับความสูงเบาะลง พอปรับแล้ว เออ มันเหมือน Sedan มากขึ้น ที่นั่งต่ำ เหมือนนั่งอยู่ในคอกพิท และความรู้สึกการขับขี่ การความคุม มันเหมือน ครั้งที่ 2 & 3 ตอน Test drive เลย มันก็หนักแน่นนะ ทั้งช่วงล่างและพวงมาลัย แต่มันน้อยกว่าครั้งแรก และผมสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกดูดถนน เหมือนครั้งแรก สงสัยคงชินแล้วมั้ง (จริงๆตัวรถคงเกาะกว่ารถทั่วไปมาก แต่เป็นแค่ปัญหาการรับรู้ของผม)
การเก็บเสียง
จากสัมผัสการรับรู้ด้านหูของผม ในช่วงความเร็วต่ำ 40-80 km/hr ผมพบว่ารถผม XV MC 2.0i-P เก็บเสียงดีกว่า รถ Test drive XV sport 2015 (ทั้งคู่คือยางตัวเดียวกัน Continental Max Contact MC 5 Made in Malaysia) เสียงยางบดรอยต่อถนน แทบไม่ได้ยิน ต่างกับตัว test drive ที่ได้ยินชัดเจน ในเส้นทางเดียวกัน ถนนพระราม 3 ทั้งๆที่ ตัว MC ไม่ได้มีการปรุงปรุงรายละเอียดทางด้านวิศวกรรมใดๆ อาจจะเป็นเพราะยางรถผมที่ค่อนข้างใหม่ แต่รถ Test drive ก็เพิ่งวิ่งไปแค่ 4000 km แต่ที่ความเร็วสูง ขับไปพัทยา เส้นมอเตอร์เวย์ สาย 7 เสียงลมรถผมชัดเจน ที่ความเร็วตั้งแต่ 100-110 km/h ขึ้นไป คิดว่าน่าจะมาจากลมปะทะ กระจกหูช้าง (รถผมเดิมๆทุกอย่าง ไม่มีกันสาด)
เบาะปรับไฟฟ้าคนขับ 8 ทิศทาง ไม่มีปรับ Lumbar จะเอานั่งเตี้ยเป็น sport sedan ในคอกพิท หรือ ยกสูงเป็น SUV ก็ทำได้
หัวเกียร์หุ้มหนังเดินตะเข็บส้ม+ฐานเกียร์ Piano black การจอด เกียร์ N พิลึกพิลั่นซับซ้อน
Switch air auto ไม่แยกโซน แบบใหม่ ตัวเลขจะแสดงที่จอบนตอนโซลกลาง เอ๊ะอะ เอาอากาศภายนอกเข้ามาตลอด
จอ MFD จะจอดรถด้วยเกียร์ N แบบวิธีประหลาดต้องมา manual ปิดมันก่อน
ธีมตกแต่งภายใน เปลี่ยนจาก สีเมทัลลิค เป็น Piano black
เครื่องเสียง OEM Kenwood
แป้นเหยียบแบบสปอร์ต
Push start button หน้าตาปกติ ซึ่งไม่เหมือนในโบรชัวร์ ไม่เหมือนรถโชว์ใน Motor expo ไม่เหมือนรถให้ Press ทดสอบ ที่เป็นสัญลักษณ์ Unpark your life (ในคลิป Check check พี่แพนบอก สัญลักษณ์ Unpark your life มันเป็นสติ๊กเกอร์)
รูปจากทีมงาน headlightmag จากรถโชว์ในงาน Motor expo 2015
ส่วน 3 ปุ่มนี้ใน XV ผมขอเรียก ปุ่มขี่ช้างจับตั๊กแตน เนื่องจากทำมา ซะดูดีมี ตั้ง 3 ปุ่ม แต่หน้าที่มันใน XV มันน้อยมากๆ แลดูลงทุนเกินไป เพราะใช้เปลี่ยนหน้าจอบน ในส่วนจอ MID กลาง Dashboard ึ่ซึ่งเปลี่ยนทั้งหมดได้มากมาย ถึง 3 หน้าจอ ดังรูปด้านล้าง ซึ่งจริงๆถ้ามันเป็น Outback or Forester 2.0i-P ขึ้นไป จอนี้มันจะแสดงผลมากขึ้น เช่น SI drive ซึ่งคุ้มค่าที่กับการลงทุนทำปุ่ม ที่พวงมาลัย
อย่างที่ทราบกัน XV คือ Impreza ยกสูง XV ปัจจุบัน MC ควรจะมา ภายใน 2016 แต่ !!! ตลาด ตปท New Impreza มาแล้วเหมือนกันในปี 2016 ส่วนตัวไม่หวัง New XV ขอแค่ XV ปัจจุบัน MC ก็พอ
จุดแตกต่าง XV vs XV MC มีเล็กน้อย เช่น ครอบไฟตัดหมอก front เครื่องเสียง เสาอากาศ เป็นต้น แต่พวกนี้ผมไม่ซีเรียส ผมแคร์ ตรงปรับปรุงระบบช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ระบบเกียร์ มากกว่า ในคลับมีปัญหาเหล่านี้เล็กๆน้อยกันใช่ไหมครับ
ส่วนตัวผมไม่คิดว่า XV MC จะมาราคาเดียว คล้ายๆ 1.35 m ตอนใหม่ๆ เพราะตอนนี้ในตลาดมีคู่แข่งเยอะ ทั้ง HRV, Xtrail, Juke, Eco sport ลามไปถึง CRV, Captiva และเหล่า PPV ส่วนตัวทราบครับ ว่า XV เป็นรถคนละประเภท กับที่กล่า่วมาด้านบน และ XV มีจุดแข็งของตัวเอง แต่ถ้าผมเป็นการตลาดของ Motor image ผมกคงอดคิดแทนลูกค้าไม่ได้ เพราะในมุมมอง ของลูกค้าบางคน ต้องจับ XV ไปชน ไปเปรียบเทียบ กับ กลุ่มรถดังกล่าวด้านบน
ดังนั้นผมเชื่อว่า ตันจง คงยังต้องซอยรุ่นย่อย ในตัว MC แน่ๆ แต่ราคาเริ่มต้นคงไม่ 998,000 บาท แล้ว