หลังจากเก็บข้อมูลมานาน ทั้งลังเล ทั้งหาเหตุผลในการซื้อไม่ได้ สุดท้ายเหตุผลก็มา และพี่แสบส้ม ในภาพก็มาอยู่กับผมจนได้
ส่วนข้างล่างนี่กระทู้เก่า ที่เคยเข้ามาปรึกษา ครับ
http://www.subaruxvthailand.com/forum/index.php?topic=1405.msg11340#msg11340ออกวันแรกที่ศูนย์พระราม 3 เมื่อวันพฤหัสบดี 26 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา
ได้มาปุ๊ป ก็จับเช็คลมยาง แน่นอนเป็นไปตามที่คาดคิด ลมยางจากศูนย์ 37 psi ทั้ง 4 ล้อเนื่องจากเป็นรถสต็อค
การขับขี่ผมขอยกตัวอย่างการขับ XV ครั้งแรกโดยยกรถ test drive มาเปรียบเทียบ กับ คันส้มของผม
รถ Test drive XV sport 2015ตอนทดลองขับครั้งแรก รถทดสอบ ของศูนย์พระราม 3 เป็นตัว XV sport 2015 วิ่งมาประมาณ 4000 km ปียางและลมยาง ผมไม่ได้ดู ความรู้สึกครั้งนั้น พวงมาลัยมีน้ำหนักมาก ใกล้เคียงปิคอัพ พวงมาลัยพาวเวอร์รุ่นเก่าๆ
สัมผัสจากการควบคุม
หนักแน่น ย้ำนะครับว่า
หนักแน่นมาก เหมือนขับรถคันใหญ่ หนักแน่นกว่า Ranger 4 door Hi-rider หน้ายาง 265 ลมยาง 35 psi อีก ไม่เหมือนขับ ซีดาน B & C segment ญี่ปุ่น และทั้งสี่ล้อ มีความรู้สึกว่ามันดูดถนนตลอดเวลา ขับวันแรกเกร็งหน่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เต็มที่ เสียงยางบดถนนตรงรอยตรงได้ยินชัดเจน ตั้งแต่ความเร็ว 40-60 km/h หลังจากนั้นผมไปลองขับคันเดิม เป็นครั้งที่ 2 และ 3 สัมผัสความรู้สึกหนักแน่น ดูดถนน มันน้อยลงไป ผมก็แปลกใจ มานั่งคิดบางทีอาจจะเป็นเพราะผมคุ้นชินกับตัวรถ และใช้ความเร็วที่มากขึ้น 80-100 km/hr
รถผม XV MC 2.0i-Pตอนขับจาก โชว์รูม อืมพวงมาลัย ไม่เห็นหนักเหมือนรถทดสอบเลย ก็เลยเลี้ยวไป บีควิก เช็คลมยาง ชัดเจน 37 psi หลังจากปรับลมยาง เป็นตามสเปค หน้า 220 Pascal หลัง 210 Pascal ความรู้สึกคือ ตำแหน่งขับขี่สูงจัง เหมือนพวก SUV เลย (คิดในใจ คงปกติเพราะมันคือ CUV) ที่ไหนได้ ขับไปสองวัน เอ้ย เราลืมปรับความสูงเบาะลง
พอปรับแล้ว เออ มันเหมือน Sedan มากขึ้น ที่นั่งต่ำ เหมือนนั่งอยู่ในคอกพิท และความรู้สึกการขับขี่ การความคุม มันเหมือน ครั้งที่ 2 & 3 ตอน Test drive เลย มันก็หนักแน่นนะ ทั้งช่วงล่างและพวงมาลัย แต่มันน้อยกว่าครั้งแรก และผมสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกดูดถนน เหมือนครั้งแรก สงสัยคงชินแล้วมั้ง (จริงๆตัวรถคงเกาะกว่ารถทั่วไปมาก แต่เป็นแค่ปัญหาการรับรู้ของผม)
การเก็บเสียงจากสัมผัสการรับรู้ด้านหูของผม ในช่วงความเร็วต่ำ 40-80 km/hr ผมพบว่ารถผม XV MC 2.0i-P เก็บเสียงดีกว่า รถ Test drive XV sport 2015 (ทั้งคู่คือยางตัวเดียวกัน Continental Max Contact MC 5 Made in Malaysia) เสียงยางบดรอยต่อถนน แทบไม่ได้ยิน ต่างกับตัว test drive ที่ได้ยินชัดเจน ในเส้นทางเดียวกัน ถนนพระราม 3 ทั้งๆที่ ตัว MC ไม่ได้มีการปรุงปรุงรายละเอียดทางด้านวิศวกรรมใดๆ อาจจะเป็นเพราะยางรถผมที่ค่อนข้างใหม่ แต่รถ Test drive ก็เพิ่งวิ่งไปแค่ 4000 km
แต่ที่ความเร็วสูง ขับไปพัทยา เส้นมอเตอร์เวย์ สาย 7 เสียงลมรถผมชัดเจน ที่ความเร็วตั้งแต่ 100-110 km/h ขึ้นไป คิดว่าน่าจะมาจากลมปะทะ กระจกหูช้าง (รถผมเดิมๆทุกอย่าง ไม่มีกันสาด)
พวงมาลัยน้ำหนักมากกว่า ซีดาน B & C segment ญี่ปุ่น มากกว่า Isuzu Dragon Eye ปี 94 ที่เป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ และยังมากกว่า Ranger T6 2012 ที่หน้ายาง 265 แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ชาย รถคันอื่นๆของผม ผมสามารถถอยจอดเข้าซอง ด้วยมือขวามือเดียวได้ แต่ XV ทำไม่ได้ 555 และที่ความเร็วปานกลาง ถึงสูง ถ้าถนนไม่เรียบ รู้สึกว่าพวงมาลัย มันจะแกว่งๆ สั่นๆ ซ้ายๆขวาๆ ถี่ๆ แต่รถไม่ได้มีอาการเป๋ไปมานะ ไม่รู้ว่านี้คืออาการปกติ หรืออาการเฉพาะคัน แต่ทางตรงถนนเรียบ ไม่เป็นไรครับ และหลังจากอ่านคู่มือการใช้งานจบ (เล่มหนามาก) พบว่า ถ้าเราหมุนพวงมาลัย เยอะๆ บ่อยๆ ติดๆกัน เช่นตอนถอยรถของช่องจอด หรือการเลี้ยวขึ้นลงลานจอด จะทำให้ปั้มพาวเวอร์พวงมาลัย ทำงานหนัก มันจะพาตัวเองเข้าสู่ safe mode ทำงานน้อยลง เลยมีผลให้น้ำหนักพวงมาลัยเพิ่มขึ้น มิน่าละ คอนโดผม ลานจอดรถ 14 ชั้น ต้องเลี้ยว ซ้ายๆขวาๆ ประมาณ 40 ครั้ง มันถึงหนักตอนถอยจอด
ช่วงล่างขอเปรียบเทียบกับรถที่ใช้งานอยู่ประจำ รถช่วงล่างตึง+ตัง ทั้งความเร็วต่ำและสูง ทุกผิวถนน Honda City 2012 ยาง 185 55 R16 Goodyear Excellence เทียบกับ XV คันนี้ยาง 225 55 R17 บนถนนเส้นเดียวกัน XV
จะตึง แต่ไม่ตัง ครับ
งงไหมครับ คือมันมีความรู้สึก แน่น ความรู้สึกตึง เวลาวิ่งผ่านรอยต่อหรือหลุมเล็กๆตื้นๆ เทียบกับ Ranger T6 ยกสูง ยาง 265 60 R17 Dunlop Grandtrek รายนั้นจะกระด้างและตึง แต่เกาะและเอาอยู่ ที่ลมยาง 35-38 psi เทียบกับ XV ตัว XV จะให้ความรู้สึกเหมือน Ranger ที่ลมยาง 32 Psi ตอนวิ่งความเร็วต่ำบนถนนเรียบ ส่วน Fiesta 195 45 R16 Continental ให้ความนุ่ม(นิดหน่อย)+หนึบ+ตึง ทั้งๆที่ช่วงล่างหลังเป็น Torsion beam แต่ให้ฟีลลิ่งที่มั่นใจกว่า B segment ทุกคัน จะบอกว่าใกล้เคียง XV ก็คงไม่ใช่ ยังห่างชั้นอยู่มาก เพราะ Fiesta ให้ความรู้สึก หนึบ+เกาะ แต่เบา ทั้งท้าย ทั้งหน้า แต่ XV เหนือชั้นกว่าที่มี
ความ ดูด จิกถนน และฟีลลิ่งน้ำหนักเหมือนรถใหญ่ หนัก+แน่นทั้งหน้า ทั้งท้าย รูดหลุม รูดหลังเต่าไปได้เลย เหมือนขับ Ranger ไม่ต้องแคร์ว่า Skirt หน้าจะครูดเหมือน City
วิ่งบนบรูพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ตัว XV จะให้ความรู้สึกเสถียรสูง มากๆๆ ไม่รู้สึกถึง effect จากลมตีด้านข้าง แต่ City จะรู้สึกเล็กๆ เมื่อลมตี ที่ความเร็วใกล้เคียงกัน ต้องใช้สมาธิและเกร็งมากขึ้น แต่ขับ 60-90 Km/hr ตัว City ก็ relax ได้บนบูรพาวิถี แต่เสียงกระหึ่มของลมที่วิ่งผ่านตัวรถ ผ่านกระจกหูช้าง ก็ดังมาก ทั้งคู่ แต่ XV แอบเงียบกว่าเล็กๆ เทียบกับ Ranger ยกสูง บนบูรพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็ยังขับได้นิ่งๆ ลมตีด้านข้าง ต้องแรงมากๆ ถึงจะรู้สึกวูบวาบ การเก็บเสียงดีมากๆๆๆ ขับแล้ว relax แต่ถ้าเร็วกว่านี้ถึง 160 km/hr เป็นต้นไป พวงมาลัยจะแกว่ง สั่นๆถี่ๆ ซ้ายๆขวาๆ
สรุปบน บูรพาวิถี ที่ความเร็วเดินทาง XV ขับขี่ได้ผ่อนคลาย ที่สุด ส่วนที่ความเร็วสูง 140-180 km/hr ของ XV ยังไม่เคยลอง
วิ่งบนมอเตอร์เวย์ ที่จังหวะวิ่งผ่านรอยต่อ คอสะพาน XV เร็วๆ จะไม่มีอาการเหิน หรือเด้งเลย ท้ายรถถูกดึงให้แนบชิดติดถนน เทียบกับ Ranger ตอนมีน้ำหนักบรรทุก วิ่งผ่าน รอยต่อคอสะพาน ก็มีความรู้สึกถูกกด ถูกดึงให้แนบถนนเช่นกัน ส่วนทางตรง XV ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็มั่นใจกว่า Ranger นะ แต่ไม่ได้แตกต่างแบบหน้ามือหลังมือ แต่เหมือนที่เคยบอกในตอนต้น หรือในกระทู้อื่น ผมอาจจะยังไม่เข้าถึงความรู้สึก AWD เลยไม่ได้รู้สึก ว้าว หรือ ฟินมากมายอะไร ไว้รอขับไปเยอะๆ เจอสภาพถนนหลากหลาย แล้วจะมาอัพเดตให้ฟังครับ
**ตึง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อและมีการดูดซับแรง รู้สึกหนักแน่น ไม่สะท้านกลับมาให้รู้สึก คล้ายๆปา ลูกบอลลมอ่อน ลงพื้น
**ตัง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อ แล้วมีการสะท้าน หรือเด้งกลับมา ให้รู้สึกชัดเจน ทั้งแรงสะเทือนและเสียง คล้ายๆโช๊คตาย หรือคล้ายๆปาลูกบอ ที่สูบลมแข็งๆลงพื้น ซึ่งคุณจะพบอาการแบบนี้ได้ใน City 2012,Jazz GE, Freed, Civic FD
อัตราเร่งXV กับเครื่อง Boxer 2.0L FB20 หายใจเอง กำลังสูงสุด 150 แรงม้า บนกระดาษ แต่ม้าลงพื้นเท่าไหร่ละ?
คันนี้จากโชว์รูม ใส่ E20 มาให้ 500 บาท ผมขับจนหมดแล้วก็เติม Shell E20 เต็มถัง เหมือนที่ทุกคนทราบกัน มันไม่ได้จี๊ดจ๊าด ไม่หวือหวา ไปได้เรื่อยๆ กำลังเพียงต่อการใช้งานทั่วไป ออกตัวไฟแดงไม่ค่อยจะทัน B segment ญี่ปุ่น ถ้าเห็น HRV ในกระจกหลังก็หลบซ้าย แล้วปล่อยเค้าไปเหอะ XV แพ้ ทุกทาง ตั้งแต่ 0-100 km/hr, 80-120 km/hr และอัตราสิ้นเปลือง แต่เราไปเอาคืนในโค้งได้ ฮาๆๆ
ดังนั้นถ้าใครคิดจะเอาไปแต่งแรง ต้องดูเกียร์ดีๆ เพราะ CVT ตัวนี้รับแรงบิดได้ไม่เยอะ
ส่วนใน โหมด D ก็เล่นเกียร์เองได้จาก Paddle shift พอถึงความเร็วรอบที่วิศวกร เซตไว้ เกียร์จะขึ้นให้เองครับ ซึ่งโหมด M ก็เช่นกัน
และถ้าใครอยากได้ความรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรง แรงบิดพอประมาณมีให้ใช้ที่รอบเครื่อง 2300-4200 rpm ครับ ใครไม่กลัวซดน้ำมันก็เลี้ยงรอบ กันไว้ครับ
**คู่มือระบุให้ใช้ น้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 ขึ้นไป แต่ น้ำมันที่มีค่าออกเทน 90 ขึ้นไป ก็ทดแทนได้ในกรณีจำเป็น
Engine breakตอนขาลงทางชัน เขาสามมุข ลองใช้ Mode M และลดเป็น เกียร์ 1 สัมผัสได้ว่า มันไม่ค่อยฝืนแหะ ออกแนวลื่น ความเร็วยังมากไป ไม่ทราบว่านี้เป็นปกติของ CVT หรือเปล่า ที่ Engine break มันจะเบาขนาดนี้
เกียร์ CVTอมรอบตอน ~2,100-2,200 rpm และ
เย่อตอนไต่ความเร็วจากช้า 20 km/hr - 60 km/hr หรือตอนประมาณค่อยกดคันเร่ง 20%-40%
เครื่องยนต์ผมเคยตั้งกระทู้สงสัยเรื่อง FB20 ตัวนี้ว่าทำไม ไม่ได้ dual AVCS ทั้งที่ XV MC ใน ภูมิภาคอื่นๆได้อัพเกรดเครื่องยนต์เป็น dual AVCS
และ Forester MC 2.0i & 2.0i-P ที่ประกอบโรงงานมาเลเซีย ก็ได้ dual AVCS
ลองไปอ่านรายละเอียดดูได้ครับ มีคำตอบอยู่ในความคิดเห็นของคุณ H3T เขียนไว้ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงข้อเท็จจริงมากที่สุด
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=50918.msg875344#msg875344เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จะปรับให้นั่งสูง เหมือน SUV ก็ได้ จะปรับให้นั่งต่ำสุดเหมือน คอกพิท Sport sedan ก็ได้ ตัวเบาะหุ้มหนังเดินด้ายส้ม ไม่รู้ว่าสังเคราะห์ หรือแท้ แต่ผิวสัมผัสไม่ได้ดีมากมายอะไร ออกแนวหยาบ แข็งนิดๆ เบาะหลังแบนๆ ดูไม่ค่อยเข้ากับสรีระ แต่ผมลองนั่งแปปเดียวตอนรถจอด ก็นั่งได้กำลังดี รู้สึกผ่อนคลายกว่าของ CX-5
เทียบ XV MC 2.0i-P กับ Forester MC 2.0i ที่ราคาต่างกัน 100,000 บาท นั้นเบาะของ Forester ผิวสัมผัสเนียน หนังเจาะรู ความนุ่มสบายพอดีมาก เบาะโอบกระชับกำบังดี แถวหน้า และ หลัง โปร่งโล่ง ผ่อนคลายกว่า XV มาก
เบาะ XV MC ขับทางไกล เมื่อยก้นครับ เพราะหนังมันแข็งเกินไป ขับสายเอเชีย กรุงเทพ - ลำปาง เทียบกับ City 2012 SV MC เบาะผ้า จะเมื่อยก้นที่ระยะ 300-350 km หรือ 3-4 ชม. ขึ้นไป ประมาณ นครสวรรค์ กำแพงเพชร แต่ XV MC ออกจากลาดพร้าว รถติด วิภาวดี รถติด 2 ชม. เมื่อยแล้วจ้า (ไม่ได้เวอร์ ) ถึงแม้ เบาะ XV จะปรับเงย งุ้ม ได้ ปรับสูงตาม เอน ได้ละเอียดกว่า City 2012 SV MC
เครื่องเสียง OEM Kenwood DNX5350BTใช้ยากมากกกกกก ไม่ User friendly แถม Bug กระจาย ในเวป Kenwood Firmware ล่าสุดคือ V1.6 แต่ของผมเป็น V.300 คาดว่าเป็น Rom built เองเพราะเวลา กดปุ่ม Push start จะมีหน้าจอ Welcome screen ขึ้นว่า Unpark your life คุณภาพเสียงนั้น ห่วยมาก อาจจะเป็นเพราะลำโพงยังไม่ได้นวด เช็ค EQ แล้ว Default เป็น Natural พยายามปรับ Effect ทุกอย่างแล้ว ก็ยังห่วยทุกแนวเพลง ไว่ว่าจะต่อ iphone5s ผ่าน USB lighting หรือ Bluetooth A2DP ก็ให้คุณภาพเสียงห่วยเหมือนกัน ส่วน Bug ของเครื่องเสียงตัวนี้คือ ใช้งานโหมด Tel & iPod/iphone5S ผ่าน Bluetooth เวลาฟังเพลงอยู่แล้วมีคนโทรเข้า หรือผมโทรออก เครื่อง DNX5350 มันจะรวน สลับน่าจอไปมา กดรับสายไม่ได้ ฟังเพลงไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ต้องปิดเครื่องอย่างเดียว ดังคลิปด้านล่าง ใครรู้ว่าแก้ไง ช่วยบอกผมหน่อย เพราะ FW ล่าสุดในเวป Kenwood เก่ากว่าที่ติดรถมา
แอร์ถ้าตั้งไว้ที่ 25 c จะเย็นน้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆ อยากเย็นฉ่ำต้องลงมาอีก ทั้งๆที่ลดผมติดฟิล์มที่มีประสิทธิภาพ ในการกันความร้อนสูงมาก
ถ้าตั้งเป็น Full auto จะน่ารำคาญมาก เพราะมันจะคอยเปิดระบบอากาศหมุนเวียน ดึงอากาศข้างนอกเข้ามาตลอด แล้วอากาศ กรุงเทพ ก็สะอาดสดใส ชื่อใจเหลือเกิน
ดังนั้นต้องคอยมานั่ง ยกเลิก Full auto ตลอด
ส่วนคอมแอร์ มีเสียงการทำงานที่ดังมาก ตอนเปิดครั้งแรก ดังกว่าชาวบ้านเค้า จนผ่านไป 20-30 วินาที ก็จะเสียงเบาลง คิดว่าเป็นเสียงจากหน้าสัมผัสคลัชคอมแอร์ ไม่รู้ว่าจะผิดปกติไหม ยังไม่มีเวลาไปถามในคลับ
คลิปการทำงานของคอมแอร์วินาที 0-8 สตาร์ทรถ แต่ยังไม่เปิดแอร์
วินาที 9-18 เปิดแอร์ หน้าคลัชคอมแร์ สัมผัส และเริ่มดัง
วินาที 19 เป็นต้นไป เสียงเริ่มเบาลง
อัตราสิ้นเปลือง (อัพเดต 15 July 16)
ทดลองขับประหยัด หาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบใช้งานจริง ดีสุดที่ผมทำได้
6.0 L/100km
16.67 km/L
เงื่อนไข 1.เติมน้ำมัน Shell E20
2.ขับคนเดียว
3.กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ
4.รถเพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Motul 0W-20
5.ใช้ Cruise control ความเร็ว 70, 80, 90 km/hr
6.เปิดแอร์ 25 C
7.เส้นทางเถิน-เมืองลำปาง ขาขึ้นตอนดึก ระยะทาง 85 km ขึ้นเขาทางชัน ~10%
8.กราฟแท่งสีส้มเหลือง 4 แท่งคือ 4 แยกไฟแดงตัวเมืองเมืองลำปาง
ทำการบ้านในคลับมาเยอะ ทุกตำหนิ ทุกข้อด้อย ตรวจแบบละเอียด แต่ก็ยังพลาด เช่น1.สีมือจับประตูหลังซ้าย กระเทาะ
2.พลาสติกฐานเกียร์ที่เป็น Piano black ขนแมวทั้งชิ้น เดาว่าเด็กคงหวังดี เอาน้ำยาขัดหยาบ หรือ ขัดละเอียดไปขัดให้
ตอนแรกผมก็เช็คดีแล้ว แต่เนื่องจากดูในที่ร่ม มองไม่เห็นครับ
3.DRL หยาบมากกกกก หยาบชนิดที่ว่างานคลองถม ยังสวยกว่า หรืองานประดิษฐ์เด็กอนุบาลยังเนี้ยบกว่า ผมเดินสำรวจดูรถในสต็อค ก็หยาบเช่นกัน 555
และมีปัญหาน้ำเข้าด้วย
4.ลำโพงที่ คอนโซลซ้าย ติดตั้งขอบเผย่อต่ำกว่า คอนโซลกลาง แต่ลำโพงที่คอนโซลขวา ติดตั้งขอบเผย่อสูงกว่า คอนโซลกลาง
5.ระดับประตูหน้า-หลัง ฝั่งคนขับไม่เท่ากัน เมื่อเทียบกจากเส้นโครเมียม แต่ฝั่งซ้ายปกติ หลายคนอาาจะเรียกว่าประตูตก แต่ผมโลกสวย
คิดว่าคงเป็นแค่การติดตั้งเส้นโครเมียมไม่ได้ระดับเท่านั้น 5555 ซึ่งรถแพงๆกว่า XV หลายรุ่นก็เป็น ไม่เว้นแม้กระทั่งรถพรีเมี่ยมเยอรมัน ประกอบในประเทศ
6.หมอนพิงหัว ดังก็อกแก็ก ยิ่งถนนขรุขระ จะน่ารำคาญมาก หัวเราจะกระทบถี่ๆ เกิดเสียงก็อกๆแก็กๆ ตามจังหวะไม่เรียบของถนน สาเหตุคงเป็นเพราะหมอนพิงหัวตัวนี้ออกแบบมาให้ปรับงองุ้มได้หลายระดับ ผมไปขยับหลายๆคันในโชวร์รูม ก็หลวมคลอนดังทุกคัน มากน้อยต่างๆกัน
7.Compressor air แคร็กๆๆๆ ดังตอนเริ่มต้นทำงานหน้าคลัชสัมผัส คิดว่าคงปกติ ของรถรุ่นนี้มั้ง ยังไม่ได้ไปถามคันอื่นๆในคลับ
8.เกียร์เย่อ คงต้องทำใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะ Forester MC 2.0i & 2.0i-P ก็เป็น จะเป็นบางครั้งที่เกียร์ D ตอนไต่ความเร็ว 20-60 km/hr หรือกดคันเร่งประมาณ 15-30%
9.เสียงวิ้ง (คล้ายๆในหนังเวลาระเบิดลง แล้วตัวละครจะหูวิ้งๆ) จะเป็นเฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนรถ ไม่ใช่เสียงจากลำโพงแน่นอน ผมลองปิดเครื่องเสียงแเล้วเอาหูไปแนบทุกลำโพง
VDO รอบๆตัวรถครับ
จุดแตกต่างที่ตัว MC ได้มีการปรุบปรุงขึ้นมา ในตัว 2.0i-P พวงมาลัย Design ใหม่ ผมชอบมาก
ตัวกุญแจ Keyless ให้มา 2 อัน หน้าตาดูดีใช้ได้
เบาะหนัง เดินตะเข็บสีส้ม
ส่วนอันนี้ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นที่แขวนของ ก็เลยแขวนถุงกับข้าวไปแล้ว
แต่จริงๆเมื่อมาอ่านคู่มือ มันคือตัวคล้องเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารคนกลางเบาะหลัง
ไฟ Tally ในกระจกหูช้าง (ถ้าจะมีขนาดนี้ ให้ Blind spot monitoring มาเหอะ)
Roof trail เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเมทัลลิค แต่ผมชอบสีดำมากกว่า
ไฟท้ายขาว มุมขาวในตลาดอาเซียน แต่ตัวไฮบริดจะเป็นมุมฟ้า และตัว US จะเป็นมุมแดง
กระจังหน้า เปลี่ยนรายละเอียดเป็น Piano Black นิดหน่อย เพื่อที่จะให้เด็กล้าง ทำเป็นรอยง่ายขึ้น
DRL อันแสน หยาบกร้าน มีรอยประกอบซิลิโคน ไหลเป็นน้ำตาลเทียน ชิ้นงานเหมือนตัดด้วย มีดคัตเตอร์เด็กประถม
ใช้ๆไป ฝนตก ล้างรถ น้ำเข้าหลอด LED ได้นะจ้ะ ในคลับมีคนโดนแล้ว พอไปเคลมได้ใหม่ น้ำก็ยังเข้าเหมือนเดิม
ส่วนรถผมยังไม่เปียก รอดูกัน 555
ล้อ 17x7 ลายดอกซากุระ ที่เฉียงขึ้น
มือจับ SmartEntry แบบไร้ปุ่มกด ใช้สัมผัสแทน จะมีรอยหยัก2 ขีด ที่ด้านบน สีเมทัลลิค แต่ผมชอบให้เป็นสีเดียวกับตัวรถมากกว่า
การใช้งานก็สะดวกดี แค่ลูบไล้เบาๆ ไม่ต้องกด เหมือนยี่ห้ออื่น แต่ในคู่มือระบุว่า น้ำหรือเม็ดฝน อาจจะทำให้ประตูปลดล็อคได้ เมื่อเราพกกุญแจ แล้วเดินเข้าไปใกล้ระยะที่คลื่นวิทยุ 134.2 kHz ส่งถึงกัน
เบาะปรับไฟฟ้าคนขับ 8 ทิศทาง ไม่มีปรับ Lumbar จะเอานั่งเตี้ยเป็น sport sedan ในคอกพิท หรือ ยกสูงเป็น SUV ก็ทำได้
หัวเกียร์หุ้มหนังเดินตะเข็บส้ม+ฐานเกียร์ Piano black
การจอด เกียร์ N พิลึกพิลั่นซับซ้อน
Switch air auto ไม่แยกโซน แบบใหม่ ตัวเลขจะแสดงที่จอบนตอนโซลกลาง
เอ๊ะอะ เอาอากาศภายนอกเข้ามาตลอด
จอ MFD
จะจอดรถด้วยเกียร์ N แบบวิธีประหลาดต้องมา manual ปิดมันก่อน
ธีมตกแต่งภายใน เปลี่ยนจาก สีเมทัลลิค เป็น Piano black
เครื่องเสียง OEM Kenwood
แป้นเหยียบแบบสปอร์ต
Push start button หน้าตาปกติ ซึ่งไม่เหมือนในโบรชัวร์ ไม่เหมือนรถโชว์ใน Motor expo ไม่เหมือนรถให้ Press ทดสอบ ที่เป็นสัญลักษณ์ Unpark your life
(ในคลิป Check check พี่แพนบอก สัญลักษณ์ Unpark your life มันเป็นสติ๊กเกอร์)
รูปจากทีมงาน headlightmag จากรถโชว์ในงาน Motor expo 2015
ส่วน 3 ปุ่มนี้ใน XV ผมขอเรียก ปุ่มขี่ช้างจับตั๊กแตน
เนื่องจากทำมา ซะดูดีมี ตั้ง 3 ปุ่ม แต่หน้าที่มันใน XV มันน้อยมากๆ แลดูลงทุนเกินไป เพราะใช้เปลี่ยนหน้าจอบน ในส่วนจอ MID กลาง Dashboard
ึ่ซึ่งเปลี่ยนทั้งหมดได้มากมาย ถึง 3 หน้าจอ ดังรูปด้านล้าง ซึ่งจริงๆถ้ามันเป็น Outback or Forester 2.0i-P ขึ้นไป จอนี้มันจะแสดงผลมากขึ้น เช่น SI drive ซึ่งคุ้มค่าที่กับการลงทุนทำปุ่ม ที่พวงมาลัย
1.ความเร็วแบบดิจิตอล
2.ระยะเวลาการขับรถ ตั้งแต่สตาร์ทรถ
3.หน้าจอว่าง
ที่วางแขนคอนโซลกลางตรงกล่องเก็บของ ในตัว MC เลื่อนออกมาไม่ได้ แต่ในตัว pre MC เลื่อนได้ เอาออกทำไมครับ
ช่องไฟ DC 12 V มีมาให้ 2 จุดคือ ใต้คอนโซลหน้า และกล่องเก็บของ
ผมชอบมากในส่วนของกล่องเก็บของ มีการใส่รายละเอียดเล็กน้อย ตรงวงสีแดงคือทำช่องให้สายไฟลอดออกมาได้ เมื่อปิดฝากล่อง
ไม่จำเป็นต้องเปิดฝากล่องค้างไว้ หรือปิดฝาหนีบสาย
ความหยาบของการประกอบโดยโรงงานมาเลเซีย มีให้เห็นอยู่ประปราย หลับๆตา ทำเป็นไม่เห็นบ้าง แต่มันก็สะกิดตาบ้างเช่น
ฝาครอบลำโพง tweeter ซ้าย - ขวา ไม่เท่ากัน ข้างหนึ่งยก ข้างหนึ่งยุบ
คอนโซลตรงกรอบแอร์ ฝั่งคนขับ ตรงนิ้วโป้งนั้นเรียบเนียน เสมอช่องแอร์ แต่ตรงนิ้วชี้ ดันยกสูง มีระดับสูงกว่าช่องแอร์
ตอนแรกคิดว่า มันคงเป็นดีไซน์ แต่ไปดูฝั่งซ้าย มันดันเรียบเสมอกัน
และเดินสำรวจรถในสต็อคของโชว์รูม บางคันเรียบเนียนทั้งสองข้าง บางคันเหมือนผม บางคันยกระดับทั้งสองข้าง
MC มีเส้นโครเมียม ให้น่ะจ๊ะ ที่แนวกรอบหน้าต่างด้านล่าง มันดูดีมากในรถสีดำ และสีขาว แต่พอมาสีส้มแล้ว ไม่สังเกต แทบจะไม่เห็น 5555
อีกอย่างมันเป็นตัวชี้วัดว่า ประตูซ้ายขวา ได้ระดับเท่ากันไหม ซึ่งฝั่งขวารถผม ไม่เท่ากันดังรูป แต่ฝั่งซ้ายเท่ากันเป๊ะ
ไม่ต้องซีเรียส รถแพงกว่านี้ Accord G9 ก็ไม่เท่ากัน หรือ Benz บางรุ่น ก็ยังไม่เท่ากัน
แผงบังแดด ทั้งสองข้างในตัว MC เปลี่ยนวัสดุหุ้มเป็นผ้า เพื่อการเปื้อนง่ายขึ้น
ส่วนอันนี้ Layout เครื่องยนต์ รกตาใช้ได้ แต่อย่าไปแคร์ มันอยู่ใต้ฝากระโปรง