สวัสดีครับทุกท่าน ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมก็ไม่เคยตั้งกระทู้แบบนี้มาก่อน ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
เริ่มเลยแล้วกันนะครับ ผมก็ใช้เจ้า XV แบบเดิมๆ นี้มาประมาณปีนึงได้แล้ว เดิมก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรกับรถ
ตอนออกรถมาก็ไปลองขับก็คิดว่าแรงมันน้อยไปหน่อย แต่ก็รับได้กับเครื่องแบบนี้ เอามาก็อาจจะแต่งสวยเสริมหล่อนิดหน่อย
แต่ช่วงหลังๆ เริ่มรู้สึกถ้ารถมันแรงกว่านี้ กดแล้วมาเร็วกว่านี้คงดี โดยเฉพาะช่วงเร่งแซง แต่ก็ไม่อยากไปเปลี่ยนอะไรเยอะแยะ
ยิ่งบางช่วงกลับบ้านไปขับคันเก่า(Harrier 3.0) ที่ตอนนี้ให้พ่อใช้อยู่ ยิ่งคิดถึงแรงดึง ที่กดแล้วมาได้ดั่งใจจริงๆ...
ก็เริมหาข้อมูลการ reflash แล้วก็ไปเจออู่นึงแถวบางนา(MacTuning) ที่เคยเห็นทำให้ XV อยู่ด้วย และส่วนตัวก็เคยใช้บริการอยู่ในสมัยที่เขาฮิตติดแกสกัน จริงๆ คือเป็นอู่ที่เคยเอารถคันเก่าเข้าไปติดแกสด้วยนั่นแหละ ก็เคยเห็นผลงานอยู่ว่าช่างทำงานเนียบดีจริงๆ เดินท่อสวย ผลงานออกมาถูกใจ แต่ตอนนี้ช่างเขาบอกว่าไม่มีใครมาติดกันแล้ว เลยผันตัวมาทำ reflash แทน ผมก็ไปหาข้อมูลของอู่นี้กับการ reflash มา เห็นมีทำทั้งรถญี่ปุ่น รถยุโรป แต่ส่วนใหญ่เขาจะรับพวก honda โดยเฉพาะ Brio จะเยอะมาก มีแต่คนบอกว่าดีกัน ยิ่งมี reference XV(แอบถามมาว่าคือรถแฟนเจ้าของอู่) ด้วย ก็ยิ่งมั่นใจว่าต้องทำออกมาได้ดี ส่วนราคาก็ไม่แรงขนาด 5 หลัก อันนี้รับได้
เลามาซะยาว เราเข้าเรื่องการจูนเลยดีกว่านะครับ
วันนั้นโทรนัดหมายกับช่วงเรียบร้อย เข้าไปที่อู่วันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา (จริงๆ โทรคุยล่วงหน้าเป็นเดือน แต่หาวันว่างตรงไม่ค่อยได้ พอดีช่วงสัปดาห์สุดท้ายลางานยาวไว้ เลยถามอีกรอบ ช่างบอกว่าว่าง เลยตัดสินใจเข้าไปทันที)
ไปถึงช่างก็เอา meter วัด A/F ratio มาติด ต่อคอมเซฟ map เดิมไว้ก่อน แล้วออกไปลอง รอบแรกก็จูนคันเร่ง ช่างก็จะถามก่อนออกรถไปว่า อยากได้แบบไหน กดแล้วมาเลย หรือออกแบบนิ่มๆ แล้วค่อยแรง ผมก็บอกไปแค่ขอแบบเร่งแซงได้อย่างสบายใจ (ของเดิมผมรู้สึกว่าอัตราเร่งช่วงออกตัวอันอืดไปหน่อย ยิ่งถ้าต้องเลี้ยวข้ามเลนแยกที่ไม่มีไฟแดง ต้องเผื่อระยะดีๆ ตอนที่ขับคันนี้ใหม่ๆ กะระยะไม่ดี จะเร่งเพิ่ม กดไปจนสุดมันก็ไม่มีแรง จนกว่ารอบจะขึ้นไปถึง 4,000 รอบ) ช่างก็จัดให้ตามคำขอ โหลด map เสร็จ ออกตัวครั้งแรก เหว่อ ไปแป๊บนึง เพราะกดคันเร่งเท่าเดิมแต่พุ่งซะเกินคาด แอบคิดว่าถ้าคนที่บ้านมาขับคงจะตกใจ ให้ช่างปรับใหม่ สลับกันขับบ้าง ช่าง test เสร็จ ให้เราลองขับบ้างว่าโอเคไหม สรุปช่างปรับให้ใหม่ประมาณ 5-6 รอบได้ จนพอใจ ไม่มีบ่นสักคำ เอาจนกว่าลูกค้าจะพอใจจริงๆ อันนี้ชื่นชม
แล้วก็มาเล่น A/F ratio ต่อ บอกช่างว่าช่วงขับนิ่งๆ ความเร็วเดินทางให้มันประหยัดขึ้นได้ไหม อันนี้คือปรับแล้วก็ลองวิ่งนิ่งๆ ลองเร่งแบบเร่งแซง แล้วดู meter ที่ช่างเอามาติดไว้ ช่างก็อธิบายหมดว่าควรจะปรับอย่างไร เพราะอะไร ทำอย่างไรให้ออกตัวแรงขึ้น ขับความเร็วเดินทางประหยัดขึ้น จังหวะเร่งแซงไม่ซดฮวบ ปรับไปจนผมรู้สึกว่าประมาณนี้โอเคแล้ว แต่ช่างบอกว่าขอลองอีกที คิดว่าแบบนี้ดีกว่า ก็ลองกันไป จนได้ตัวที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้มา ตอนนี้กดไปแรงมาตั้งแต่ 2,000 รอบ แล้วก็ยาวๆ ไป ยิ่งถึง 4,000 ยิ่งพุ่งเลย.. นี้แหละที่ต้องการ 555
อ่อ อีกอย่างคือช่างแนะนำให้เติม E20 ใช้งานเลยครับ ส่วน E85 ผมก็ไม่กล้าลอง เห็นว่ามีบาง part ไม่รองรับ ถ้าใช้แล้วต้องไปคอยเปลี่ยนอะไรเพิ่ม ไม่เอาดีกว่า
สรุปตอนนี้ก็ได้อัตราเร่งที่ต้องการมา มาเยอะกว่าที่คาดหวังไว้ก่อนไปทำ ถึงจะยังไม่เท่าคันเก่า แต่ก็นะ คันเก่ามัน 3.0 V6 ก็คงเทียบไม่ได้ แต่แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว
ส่วนเรื่อง
อัตราสิ้นเปลืองหลังจากที่ทำการ reflash กันเสร็จ วันที่ 30 ก็ได้ลองเดินทางไปเที่ยวบางแสนช่วงปีใหม่ ได้ลองขับยาวๆ ดูเลย
แต่เสียดายที่ไม่ได้เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนเดินทางไป แต่ดูจากตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่รถวัดไว้ก็ ถือว่าต่ำมาก ต่ำกว่าที่เคยใช้มา
คือลงไปถึง 6.6 L/100 km บางช่วงมีลงไปถึง 6.4 ด้วย แต่ก็ไม่นาน เพราะสักพักถึงตัวเมืองรถเริ่มติดก็กลับขึ้นมา อันนี้ผมขับแบบปกตินิ่งๆ อยู่ที่ประมาณ 110 km/hr +-10 ไม่ได้เร่งอะไรมาก(มีกล่องล็อกความเร็วอยู่เบาะข้างๆ
)
แต่ช่วงที่ขับในเมือง เจอรถติดๆ ตรงเส้นเลียบหาดตอนกลางวันก็มีขึ้นมาที่ 8.4 เหมือนกัน แต่ก็ถือว่ายังน้อยกว่าปกติที่เคยใช้อยู่
จนกลับมาทำงานปกติก็จะใช้รถอยู่แถวบ้านโป่ง(ราชบุรี)-ท่าม่วง(กาญจนบุรี) รถขับช้าเยอะ(ช่วงหน้าอ้อย) แรกๆ มีลองเครื่อง เร่งแซงเป็นช่วงๆ ก็เร่งแซงได้สนุกดี มันใจในการแซงมากขึ้น ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยก็ขึ้นมาที่ 8.8-9.0 (อันนี้เติ่ม E20 เต็มถังมาก่อน ลองเติมเต็มเพื่อคำนวนเทียบดู) ผลคือวิ่งไป 529.8 km. เติมน้ำมันกลับไป 49.43 L เฉลี่ย 9.3 L/100 km หรือ 10.72 km/L
กลับมาครั้งนี้ลองอีกถัง ครั้งนี้ขับแบบปกติ ไม่เร่งออกตัว/แซงพร่ำเพรื่อ ตัวเลขรถวัดได้คือประมาณ 8.4 L/100 km ส่วนที่คำนวณเองคือวิ่งไป 402.4 km เติมน้ำมันไป 36.16 L เฉลี่ย 8.98 L/100 km หรือ 11.13 km/L โดยส่วนตัวก็ถือว่าโอเคเลยนะสำหรับ E20 ด้วย
เพราะเดิมเติม โซฮอ95 ทำตัวเลขเฉลี่ยจากที่รถวัดได้ 9.0 ก็ถือว่าดีแล้วในการใช้งานปกติ แต่ก็มี 8.6-8.8 บ้างช่วงขับข้ามจังหวัด
เลามาซะยาวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเล่าอะไรได้ยาวขนาดนี้ ใครอ่านมาจนจบ ขอขอบคุณอย่างสูงครับผม แต่ผมขอสรุปสั้นๆ สำหรับคนขึ้เกียจอ่านได้ตามนี้นะครับ
สรุป
ข้อดี
- อู่นี้ช่างคุยง่าย อยากได้แบบไหนจัดให้ เอาจนกว่าลูกค้าจะพอใจ
- ช่างเก็บงานละเอียดจริงๆ แล้วรถคันไหนมีปัญหาอะไรลองปรึกษาดูได้ครับ เคยทำอู่ซ่อมมาก่อน ไว้ใจได้ ไม่หมกเม็ด
- ราคา โดยส่วนตัวถือว่าไม่แพง
- อัตราเร่งที่ได้มา ดีกว่าที่คาดหวังไว้ ตอนนี้ออกตัวต้องค่อยๆ กดครับ ไม่งั้นพุ่ง
- อัตราสิ้นเปลือง เปลี่ยนมาใช้ E20 อัตราสิ้นเปลืองดีกว่า โซฮอ95 เกือบๆ 1 km/L ลองคิดง่ายๆ สมมุติว่าใช้ E20 ได้อัตราสิ้นเปลืองเท่า โซฮอ95 เฉพาะจากส่วนต่างค่าน้ำมัน 2.5 บาท/L ปีนึงใช้ประมาณ 20,000 km ก็ตกประมาณปีละ 4,500 บาทแล้ว ก็คือปีกว่าไม่เกิน 2 ปีคืนทุน ได้รถที่มีอัตราเร่งที่มั่นใจขึ้น (ยกเว้นจะเร่งแซงมันจนกดเพลิน อันนี้ก็อีกเรื่องนะครับ 555) แต่ผมก็ไม่เคยเติม E20 วิ่งแบบเดิมๆ นะครับ ว่าอัตราสิ้นเปลืองเป็นอย่างไรบ้าง
ข้อเสีย
- ช่างคิวแน่นเหลือเกิน ต้องโทรนัดล่วงหน้ากันดีๆ เห็นบางคันมาทำตอนค่ำแล้วก็ยังรับนะ ถามช่างอยู่ วันที่ผมไปมีนัดอีกคันตอนทุ่มนึง
เรื่องระยะเวลาในการจูน อันนี้แล้วแต่คัน แล้วแต่คนเลยะครับ แต่ไปทำแล้วรู้สึกได้เลยว่า ช่างเขาเต็มที่กับเราจริงๆ ไม่ใช่แนวทำๆ ให้เสร็จๆ แล้วเก็บตังค์
จริงๆ ตอนแรกกะว่าจะเล่าเรื่องที่ไปบางแสนด้วย แต่เดี๋ยวจะยาวไป เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะลงรูปอาหารทะเล เผื่อใครเข้ามาดูตอนหิวๆ นะครับ
ส่วนใครมีข้อมูลอะไรมาแชร์กันนะครับ ผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาโพสอะไรบ่อยๆ มีแต่แอบมาดู DIY แต่ไม่ได้ทำซะที 555