ผู้เขียน หัวข้อ: [บทความ]การปรับลดราคาXV  (อ่าน 24177 ครั้ง)

toppy

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 312
    • ดูรายละเอียด
[บทความ]การปรับลดราคาXV
« เมื่อ: February 13, 2015, 00:08:07 »
พอดีเห็นว่ามีดราม่าเรื่องนี้กันหนาหูพอสมควรเลยจะมาลองเขียนเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยการตั้งราคาดังกล่าว ในความคิดเห็นของผมบ้างละกันนะครับ [ไม่ได้ใช้หลักการใดๆทั้งสิ้นในการเขียนนะครับ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ]

ทำความเข้าใจกันก่อน
- Subaru XV ทำการประกอบ(Assembly)ในประเทศมาเลเซีย โดยทำการนำเข้าชิ้นส่วนมาจากทางประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่(ประมาณ80%) โดยมีชิ้นส่วนบางชิ้นที่ผลิตในมาเลเซีย(ยางรถยนต์ กระจก เบาะ)เพื่อให้เข้าเกณฑ์การประกอบในประเทศนั้นๆ ดังนั้นตัวถัง/เครื่องยนต์/เกียร์/ช่วงล่าง นำเข้ามาจากญี่ปุ่นแน่นอน
[ตัวอย่างที่ยกให้ฟังง่ายๆ...เป็นกรณีMercedes / BMW ตัวที่ประกอบในประเทศไทย ก็ได้ทำการประกอบด้วยวิธีดังกล่าวเช่นกัน]

ปัจจัยด้านการผันผวนของค่าเงินเยน
- ย้อนกลับไปปี 2012 ในขณะนั้นค่าเงินเยนสูงมากเป็นประวัติการณ์ตีไว้ราวๆที่ใกล้เคียง 40 บาท / 100 เยน http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/02/E11750291/E11750291.html
- ย้อนกลับไปในปี 2013 ขณะนั้นค่าเงินเยนอยู่ที่ประมาณ 33-35 บาท / 100 เยน (และช่วงปลายปีก็อ่อนลงอย่างหนัก) http://fundmanagertalk.com/investment-talk-yen-yuan/
- ในปีปัจจุบัน 2014 ตอนนี้ค่าเงินอยู่ที่ประมาณ 27.5 บาท / 100 เยน

ในส่วนของความผันผวนของค่าเงิน...หากมองในความเห็นของผู้บริโภคต้องถือว่าทางบริษัทก็ใจกล้าในระดับนึงที่ได้ทำการลดราคาค่ารถลงไปตามความอ่อนตัวของค่าเงินเยน(ถ้าเขาอ้างเหตุผลนี้เป็นเหตุผลจริง) เนื่องจากราคาของรถยนต์ได้ลดลงตามมูลค่าค่าเงินใกล้เคียงกันอย่างมีนัยสำคัญ
- มีกรณีที่มีคนพูดว่าทำไมค่ายอื่นไม่ลดราคาตามด้วยละ >> ย้อนกลับไปดูข้อแรกครับSUBARU XV ประกอบด้วยชิ้นส่วนจากJapanร้อยละ80 แต่รถค่ายที่ผลิตในประเทศไทยส่วนมากจะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยเองร้อยละ60%-80%(อย่างToyotaมีแม้กระทั่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในประเทศ) [คันที่เข้าเค้าที่สุดใกล้เคียงในกรณีนี้มากที่สุดคือเจ้าToyota Prius ที่นำเข้าชิ้นส่วนมาทำการประกอบภายในประเทศเหมือนกับรถรุ่นพี่ของมันอย่างเจ้าTOYOTA Wish]
- กรณีดังกล่าวนี้ถ้าผมเป็นลูกค่าเก่าก็ช็อคกับราคาตั้งพอสมควร(จริงๆไม่ควรจะเป็นการลดราคาตั้ง ควรจะออกเป็นแคมเปญลดเพิ่มเติมเสียมากกว่า)

ยอดสั่งผลิตและประกอบรถยนต์
- จากข้อมูลอ้างอิงในหลายๆแหล่งโรงงานของตันจงในมาเลเซียสามารถผลิตเจ้าXVได้ประมาณปีละ 5000 คัน ดังนั้นทางบริษัทต้องทำการรักษายอดขายในภูมิภาคนี้ให้ได้ใกล้เคียงกับตัวเลขความสามารถในการผลิตรถยนต์ของทางโรงงาน(ผลิตได้5000คันเนี่ยต้องบอกเลยว่าโคตรน้อยเลยแหละ) ดังนั้นเป็นไปได้ยากมากในการที่ทางโณงงานจะสั่งชิ้นส่วนอะไรประหลาดๆเข้ามาทำการStockและผลิต(จะพูดว่าโรงงานมันเล็กก็คงไม่ผิด) เลยเป็นที่มาของSubaru XV ที่สามรุ่นย่อยไส้ในนี่เหมือนกันหมดไม่มีอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เพราะง่ายต่อการStockชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ รวมถึงง่ายต่อไลน์ประกอบรถยนต์อีกด้วย(ผลิตทีเดียว ค่อยมาเปลี่ยนข้างนอกเอาทีหลัง)

ความสามารถในการแข่งขันของSubaru
- ใครเคยเป็นแฟนซูบารุจะเข้าใจได้ว่า10ปีก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของซูบารุประเทศไทยได้เป็นอย่างดี หลังจากยอดขายถล่มทลายรุ่นสุดท้ายในประเทศคือImpreza รหัสตัวถังGC ที่ขายดีพอสมควรในยุคนั้น....พอเลยยุคนั้นมาก็มืดสนิท เพราะรถต้องนำเข้ามาจากญี่ปุ่นทั้งคันเจอกับอัตราภาษีมหาโหดเข้าไป.....ยกตัวอย่าง Impreza GD เครื่อง1600cc คันละ 1.6 ล้านบาท(ใครจะซื้อ) WRX STi 3.8 ล้านบาท ยอดขายรวมทั้งปีของบริษัทไม่ถึงร้อยคัน
- ยุคลืมตาอ้าปาก.....กลับมาในปี 2012 ซูบารุได้เกิดไอเดียบรรเจิด(หรือตันจงบรรเจิดไม่รู้) ขยับขยายโรงงานประกอบรถยนต์จากที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น มาทำการประกอบที่ต่างประเทศ....โดยมีฐานผลิตคือมาเลเซียทำการปั๊มเจ้าXVเข้ามาขายในภูมิภาคนี้....ซึ่งยอดขายในไทยกลับถล่มทลายสถิติของบริษัทอย่างไม่เคยเป็นไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มีศูนย์บริการเกิดขึ้นมาอีกหลายแห่ง
- แต่เนื่องจากตามหลักเศรฐศาสตร์....Demandน้อย Supplyก็เลยต้องน้อย ดังนั้น Supplyน้อยจึงต้องมีราคาแพงกว่าพวกที่มีความต้องการสูง.... ยอดขายในไทยปีแรกอยู่ที่ประมาณ 3000 คัน ซึ่งถ้านับกับรถในตลาดก็ถือว่าน้อยมาก(น้อยกว่าViosต่อเดือน หรือเท่ากับยอดขายCamry/accordเพียงสองเดือน) ราคาจึงถือว่ายังกระโดดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน

BRANDING
- ทำความเข้าใจกันก่อน.....บินข้ามไปยังประเทศญี่ปุ่น SUBARU ก็ถือว่าเป็นโรงงานผลิตรถขนาดกลาง(ห่างชั้นกับสามยักษ์แห่งญี่ปุ่นอยู่เยอะ Toyota Honda Nissan ไหนจะมียักษ์แห่งฮิโรชิม่าอย่างเจ้าMazdaขวางคออีก) ที่มีจุดเด่นของตัวเองคือระบบขับเคลื่อนแบบAWD แต่ในประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นรถบ้านๆคันนึงเหมือนกัน
- ส่วนในประเทศไทย ยุคก่อนถือเป็นรถอีกระดับเพราะว่าถ้าไม่รู้จักว่าSubaruเป็นรถกระป๊อ ก็ต้องรู้จักSubaruว่าเป็นรถซิ่งด้วยเรือธงอย่างเจ้าImpreza
- การเปิดตลาดใหม่ในประเทศไทยคนเลยเข้าใจว่าเป็นรถระดับพรีเมี่ยม แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไม่ใช่เลย.....ความจริงตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างจากรถยี่ห้อเดียวกับบ้านเกิดมันเท่าไหร่ เพียงแต่บริษัทอื่นเขามีสายการผลิตและภาษีในไทย ส่วนซูบารุ....ใส่เรือข้ามทะเลมาขายอย่างเดียว(เราเลยมีK-car ราคาล้านสองขาย ด้วยเครื่องยนต์650cc)

Segment
- หากเปรียบมวยแล้ว...ด้วยราคาขายตอนแรกของXV อยู่ที่ 1.35 ล้านบาท มันจึงถูกจับไปชกกับ CR-V แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึงเจอชนกับCX-5แบบไม่ต้องลุ้น ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นมวยคนละรุ่น เนื่องจากรุ่นพี่ของมัน Forester ดันประกอบญี่ปุ่นค่าตัวจึงพุ่งสูงปรี๊ดไม่อาจลงมาชกกันได้ในราคานี้
- หากจะชกกันให้ถูกรุ่นแล้ว XV จะต้องชกกันกับ HOnda Vezel(HR-V) หรือ CX-3 เท่านั้น

เทียบราคากันแบบตัวต่อตัว
CR-V 2.0 >>> 2.5 ล้านเยน
CR-V 2.4 >>> 2.8 ล้านเยน
http://www.honda.co.jp/CR-V/

Mazda CX-5 ราคาตั้งแต่ 2.5 - 3.4 ล้านเยน
https://ssl.mazda.co.jp/purchase/estimate/cx-5?link_id=c5toolbr

Subaru XV
2.0i - 2.25 ล้านเยน
2.0i-L - 2.45 ล้านเยน
2.0i Isight - 2.55 ล้านเยน
2.0 Hybrid - 2.57 ล้านเยน
http://www.subaru.jp/xv/xv/

็Honda Vezel
1.5 ธรรมดาFF 2.0 ล้านเยน
1.5 Hybrid 4WD 2.7 ล้านเยน
1.5 Hybrid FF 2.5 ล้านเยน
http://www.honda.co.jp/VEZEL/

จะเห็นกันชัดๆว่าราคาในญี่ปุ่น Position มันเกือบจะชนกับ HRV แบบตรงๆกันเลยทีเดียว

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหากยังขายXVด้วยราคาปัจจุบันที่ Position รถมันผิดเพี้ยนในอนาคตยังไงก็ไม่รอด.....ยิ่งการมาของ Forester ประกอบในSEAอีกรุ่นนึงจะไม่สามารถทำได้....ยังไงวันที่จะต้องปรับ Position จะต้องมาถึงอย่างแน่นอน ไม่งั้น Forester จะไม่สามารถนำมาตั้งราคาขายที่ 1.4-1.6 ล้านบาท ให้ชนกับพวก CRV / CX5 / X-trail ได้

ส่วนท่านที่เพิ่งซื้อช่วงมอเตอร์โชว์ปลายปี2014 ท่านอย่าเสียใจครับ....ส่วนต่างของท่านกับปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5000-10,000 บาทโดยประมาณ (เห็นตอนนั้นซื้อสดก็ไม่ถึงล้านแล้วนิน่า) แต่สำหรับท่านที่ซื้อแต่แรกต้องขอแสดงความเสียใจจริงๆครับกับราคาในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่าเพิ่งมองว่าการปรับราคาตั้งจะเป็นข้อเสียไปซะหมด มันมีข้อดีแฝงอยู่
- รถจะสามารถจำหนายได้มากขึ้นในตลาด....แปลว่าทางบริษัทสามารถสำรองอะไหล่ได้มากขึ้นตามจำนวนรถที่มีขายในตลาดได้
- จำนวนรถที่เยอะขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเปิดตัวแทนจำหน่ายได้มากขึ้น รวมถึงการทำศูนย์บริการได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ยังไงรถที่มียอดขายรวม 4000 คัน.....กับที่มียอดขายรวม 10,000 คัน การเก็บสต็อคอะไหล่ก็จะต้องต่างกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
- รากฐานบริษัทแข็งแรงขึ้นในอนาคตที่จะเปิดตลาดในไทย เพราะยอดขายในไทยสูงขึ้นเขาจะมองว่ามีความน่าลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่เพียงว่าขอให้ทางบริษัทสามารถแก้ปัญหาเรื่องราคาที่เปลี่ยนไปให้ทางผู้บริโภคส่วนใหญ่พอที่จะรับได้(คือถามว่าตอนนั้นเขากำไรเยอะกว่านี้ไหม ผมตอบตามค่าเงินเยน.....ผมว่าบริษัทน่าจะกำไรพอๆกับที่ขายตอนนี้) ถ้าถามว่าจะให้แจกส่วนลด 50,000-100,000 ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็หวังว่าคงจะมีอะไรมาแจกเพื่อให้ลูกค้าได้สบายใจกันบ้างนะครับ

และคาดหวังว่าในอนาคตทางSubaruและMIT จะมองเห็นความสำคัญของตลาดไทยที่จะมามุ่งลงทุนในประเทศเรามากขึ้นนะครับ......(เห็นมีแว่วๆจะเปิดโรงงานในไทยด้วย)

Line-up ช่วงปีหน้าที่ForesterผลิตในSEAคาดว่าจะเป็นราคาดังนี้
Subaru XV 1ล้านบาท-1.2ล้านบาท
Subaru Forester 1.4 ล้านบาท - 1.6 ล้านบาท
[ภาคฝันลมๆแล้งๆ ถ้าเขาเอาImprezaประกอบไทย]
Impreza 2.0 ราคา 1 ล้านบาท
Impreza WRX 1.5 ล้านบาท
Legacy 1.6 ล้านบาท

สรุปแบบสั้นๆ - ยังไงไม่ช้าก็เร็วผมว่าXVก็น่าจะต้องลดราคามาเป็นราคาที่เห็นในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพื่อปรับPositionให้ตรงกับที่สามารถขายได้ รวมถึงเพื่อให้รุ่นอื่นๆสามารถทำตลาดได้ด้วย

ปล.แล้วถ้าเงินเยนขึ้นมันจะขึ้นราคารถไหมเนี่ย!!!

rafarel

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 362
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: February 13, 2015, 00:26:11 »
ขอบคุณครับสำหรับ ข้อมูล อ่านแล้วเพลินดีครับ  :dance2: :respected:

tik2229

  • ชั่วโมงขับห้าพันไมล์
  • **
  • กระทู้: 62
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: February 13, 2015, 07:33:52 »
ขอบคุณครับ.  8)

XV_GP7

  • ชั่วโมงขับหนึ่งหมื่นไมล์
  • ***
  • กระทู้: 203
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: February 13, 2015, 09:22:56 »
อ่านแล้วอยากได้ forester มาทันทีเลย

leenawat_sri

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 490
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: February 13, 2015, 09:24:33 »
นั่นน่ะสิ
กลัวเยนแข็ง แล้วมันจะต้องขึ้นราคาอีกน่ะสิ

แต่ประเด็นเรื่อง ฟอเรสเตอร์ จะประกอปอาเซียนนี่น่าคิดคับว่าเป็นไปได้

ค่อยชนกะกลุ่ม c-suv ได้เต็มปาก กะกลุ่ม crv

XV มัน c-sedan แท้ๆเลย จับมายกสูง จบ

กลุ่ม CRV คือ เอา c-segment มาทำขยายเพิ่ม

ส่วนตัวนะ XVกะ forester line มันใกล้กันเกินไป

Cแท้ กับ cขยาย ต่างกับยี่ห้ออื่น  เช่น honda

Hrv เป็น bขยาย กับ crv ที่เป็น cขยาย


แต่ hrv นี่ ตั้งราคาแพงมาเลยนะนั่น แพงกว่า crv อีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: February 13, 2015, 09:28:25 โดย leenawat_sri »

@min xv

  • ชั่วโมงขับห้าพันไมล์
  • **
  • กระทู้: 62
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: February 13, 2015, 14:57:18 »
รู้สึกว่า จขกท. จะเข้าใจ MIT มากๆ เลยนะครับ    :-\

yomost

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 24
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: February 13, 2015, 17:40:27 »
หลังจากอ่านบทความจบ

ทำให้รู้สึกว่า HR-V/Vezel นี่มันขายแพงไปนะ

ทั้งในไทย และในญี่ปุ่น

toppy

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 312
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: February 13, 2015, 17:47:42 »
รู้สึกว่า จขกท. จะเข้าใจ MIT มากๆ เลยนะครับ    :-\

จะพูดว่าเชิงเข้าใจก็ไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าผมก็ถือโอกาสนี้จองตัว 998,000 ไปเหมือนกันครับ

แต่ผมเขียนในมุมมองที่ติดตามตลาดรถมาช่วงระยะเวลาหนึ่งมากกว่าครับ

ถ้าSubaruจับแต่ตลาดเป็นรถพรีเมี่ยม ด้วยยี่ห้อเองมันอยู่ไม่ได้หรอกครับ เพราะตลาดของรถเค้าไม่ได้เป็นรถพรีเมี่ยม (Marginของบริษัทมันก็คงไม่ได้สูงเท่าพวก Mercedes หรือ BMW หรือ Volvo ที่ตอนหลังก็ลดราคาลงมาสู้เป็นรถราคาล้านต้นๆ)

ดังนั้นเขาจะต้องปรับตัวเองมาให้สู้กับรถตลาดให้ได้มากกว่า

toppy

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 312
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: February 13, 2015, 19:30:12 »
ใน SSS มีคนเข้าใจว่าผมเป็นหน้าม้า MIT ด้วย.....

สาบานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทาง MIT และ ตันจง

ยกเว้นว่าใบจองรถยนต์ Subaru XV ถือเป็นส่วนเกี่ยวข้องนะครับ

ปล เพิ่มเติม อย่าเพิ่งไปว่าอะไรกันเลยครับต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเองแหละผมว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: February 14, 2015, 16:52:03 โดย toppy »

wivien

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 10
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: February 13, 2015, 22:33:01 »
ใน SSS มีคนเข้าใจว่าผมเป็นหน้าม้า MIT ด้วย.....

สาบานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทาง MIT และ ตันจง

ยกเว้นว่าใบจองรถยนต์ Subaru XV ถือเป็นส่วนเกี่ยวข้องนะครับ

เข้าใจเลยคะ ถ้าคิดสวนกระแสก็จะต้องถูกมองว่าเป็นม้า หรือพวกโลกสวยซึ่งเราก็โดนเหน็บแนมจากเพจ XV ใน FB รวมถึง admin ที่เปิดเพจมาก็โดนมองว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับ subaru นานาจิตตัง โลก social ทำให้เรากลายเป็นนักเลง keyboard วิจารณ์ว่าคนอื่นกันไปตามอารมณ์ของตัวเอง โดยไม่สนใจเหตุและผล ความคิดเห็นของคุณ toppy สำหรับเราค่อนข้างจะกลางๆ ไม่ได้อวยและก็ไม่ได้ให้ร้ายใคร เป็นข้อมูลที่คนทั่วไปสามารถสืบค้นได้อยู่ที่ว่าเราจะสนใจรึป่าว เรื่องค่าเงินเย็นที่อ่อนตัวลงเราก็เห็นว่ามันก็เป็นปัจจัยนึง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะ impact กับราคารถที่ลดลงมาเป็นแสนมากน้อยยังงัย หรือสุดท้ายการลดราคาก็เพื่อต่ออายุและต่อยอดในอนาคต เราแค่คิดว่ากลยุธที่ลดราคากันโต้งๆ คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่ซื้อรถตอนราคาเปิดตัวยังรับกันไม่ได้ แต่ถ้าทำแบบเงียบๆ คุยต่อรองกับเซลล์ ทำแคมเปญให้เลือก ส่วนลดสำหรับซื้อเงินสด ให้ของแถมแบบมีราคาพวกชุดแต่งนอก ผ่อนดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่ต้องดาวน์ แบบที่รถค่ายใหญ่ๆ ที่เค้าทำกัน คงจะไม่โดนกระหน่ำแบบนี้

เราเคยอยากได้ juke ตอนที่เพิ่งออกเพราะราคาค่อนข้างโดน แต่ได้ข่าวว่าต้องจองสักพักกว่าจะได้รถ เลยรอมาเรื่อยๆ จนใกล้ๆ สิ้นปีมีโปรผ่อน 0% ซึ่งเกือบจะเอาแล้วแต่ก็โดนเบรคโดยญาติที่ซื้อก่อนว่าอย่าเลย + กับกระแส HRV ที่มาแรง ทำให้ลังเลแต่พอราคาออกมาก็รู้สึกว่ามันสูงไป ราคาคารุ่นกลาง 9แสนปลาย + เพิ่มอีกสองแสนฝ่าๆ ก็ได้ new CRV ตัวล่าง แล้วไหนจะ CX5 ที่เพิ่งออก คิดแล้วก็ปวดหัว สุดท้ายมาลงตัวที่ XV ด้วยราคาที่รับได้ 1.19 ล. ผ่อน 0% ของแถมกรุบกริบพอให้ชื่นใจ แต่เรื่องเจ็บเล็กๆ มีอยู่ว่าวันที่เราวางเงินจองเป็นวันที่มีกระแสโปรลดราคา  ก็เงิบไปเบาๆ แต่ก็นะถ้าซื้อเงินผ่อน + ดอกเบี้ย ตอนจบก็คงใกล้ๆ กับราคาเราซื้อ (คิดปลอบใจตัวเอง) :สะกดจิต:
Confidence in Motion

toppy

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 312
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: February 13, 2015, 22:40:55 »
ใน SSS มีคนเข้าใจว่าผมเป็นหน้าม้า MIT ด้วย.....

สาบานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทาง MIT และ ตันจง

ยกเว้นว่าใบจองรถยนต์ Subaru XV ถือเป็นส่วนเกี่ยวข้องนะครับ

เข้าใจเลยคะ ถ้าคิดสวนกระแสก็จะต้องถูกมองว่าเป็นม้า หรือพวกโลกสวยซึ่งเราก็โดนเหน็บแนมจากเพจ XV ใน FB รวมถึง admin ที่เปิดเพจมาก็โดนมองว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับ subaru นานาจิตตัง โลก social ทำให้เรากลายเป็นนักเลง keyboard วิจารณ์ว่าคนอื่นกันไปตามอารมณ์ของตัวเอง โดยไม่สนใจเหตุและผล ความคิดเห็นของคุณ toppy สำหรับเราค่อนข้างจะกลางๆ ไม่ได้อวยและก็ไม่ได้ให้ร้ายใคร เป็นข้อมูลที่คนทั่วไปสามารถสืบค้นได้อยู่ที่ว่าเราจะสนใจรึป่าว เรื่องค่าเงินเย็นที่อ่อนตัวลงเราก็เห็นว่ามันก็เป็นปัจจัยนึง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะ impact กับราคารถที่ลดลงมาเป็นแสนมากน้อยยังงัย หรือสุดท้ายการลดราคาก็เพื่อต่ออายุและต่อยอดในอนาคต เราแค่คิดว่ากลยุธที่ลดราคากันโต้งๆ คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่ซื้อรถตอนราคาเปิดตัวยังรับกันไม่ได้ แต่ถ้าทำแบบเงียบๆ คุยต่อรองกับเซลล์ ทำแคมเปญให้เลือก ส่วนลดสำหรับซื้อเงินสด ให้ของแถมแบบมีราคาพวกชุดแต่งนอก ผ่อนดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่ต้องดาวน์ แบบที่รถค่ายใหญ่ๆ ที่เค้าทำกัน คงจะไม่โดนกระหน่ำแบบนี้

เราเคยอยากได้ juke ตอนที่เพิ่งออกเพราะราคาค่อนข้างโดน แต่ได้ข่าวว่าต้องจองสักพักกว่าจะได้รถ เลยรอมาเรื่อยๆ จนใกล้ๆ สิ้นปีมีโปรผ่อน 0% ซึ่งเกือบจะเอาแล้วแต่ก็โดนเบรคโดยญาติที่ซื้อก่อนว่าอย่าเลย + กับกระแส HRV ที่มาแรง ทำให้ลังเลแต่พอราคาออกมาก็รู้สึกว่ามันสูงไป ราคาคารุ่นกลาง 9แสนปลาย + เพิ่มอีกสองแสนฝ่าๆ ก็ได้ new CRV ตัวล่าง แล้วไหนจะ CX5 ที่เพิ่งออก คิดแล้วก็ปวดหัว สุดท้ายมาลงตัวที่ XV ด้วยราคาที่รับได้ 1.19 ล. ผ่อน 0% ของแถมกรุบกริบพอให้ชื่นใจ แต่เรื่องเจ็บเล็กๆ มีอยู่ว่าวันที่เราวางเงินจองเป็นวันที่มีกระแสโปรลดราคา  ก็เงิบไปเบาๆ แต่ก็นะถ้าซื้อเงินผ่อน + ดอกเบี้ย ตอนจบก็คงใกล้ๆ กับราคาเราซื้อ (คิดปลอบใจตัวเอง) :สะกดจิต:

จริงๆรอบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ....

Honda Freed เคยทำมาก่อนแล้วรอบนึงครับ

เรียนตามตรงเช่นกันนะครับ....ถ้าXVไม่ได้ราคาใกล้เคียง 1 ล้านนิดๆ ผมก็คงไม่เอา....ผมได้จองXVเพราะที่เขาโฆษณากันโครมๆเรื่องลดราคาเหลือ 998K เนี่ยแหละครับ เพราะช้อยส์จริงๆของผมคือ Accord ไม่ก็ Camryตัวminorที่กำลังจะออก แต่พอเห็นราคารถที่มันเหลือประมาณนี้แล้วก็เกิดแรงกระตุ้นให้อยากได้มากขึ้นพอสมควรครับ...ผมมองว่าราคามันพอไปหักลบกลบหนี้กับอะไรหลายๆอย่างได้จึงตัดสินใจจองครับ

แต่จะว่าจริงๆทางบริษัทก็โหดร้ายไปพอสมควรที่เล่นไปหักราคาตั้งรถแทนที่จะอัดแคมเปญอย่างอื่น(โฆษณากันยังไงโปร 0% 48เดือน นี่ผมไม่รู้เลยนะมารู้ตัวอีกทีนึงตอนมันเหลือ998K ขนาดอ่านพันทิพรัชดาเกือบทุกวัน)......แต่อย่างที่กล่าวไปผมว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงทางซูบารุก็ต้องปรับPositionของตัวXVให้สอดคล้องกับตลาดเพื่อรอรับForesterแน่นอนครับ.....ถ้าปีหน้าForesterประกอบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดราคาที่ 1.4 ล้านบาท ก็แน่นอนว่ามันถูกลดราคาด้วยเหตุนี้

blizzard33

  • ชั่วโมงขับห้าพันไมล์
  • **
  • กระทู้: 82
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: February 14, 2015, 00:14:01 »
xv ราคาที่เห็นจากกระทู้ด้านบน ที่ผ่านมาตั้งราคาที่1.35ล้าน เกินจริงไปมากๆ

mekong

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: February 14, 2015, 20:55:42 »
เป็นบทความที่ดีครับ และขอให้กำลังใจผู้เขียนครับ

...ผมก็ขอให้ความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

ผมว่าแบรนด์นี้ในบ้านเรา กำลังอยู่ในระยะปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งฝั่งคนขาย และ คนซื้อ (โดยเฉพาะลูกค้าเก่า)
นั่นคือ ปรับจากความเป็นแบรนด์ในตลาดเฉพาะกลุ่ม ไปสู่ ตลาดมวลชน มากขึ้น
ซึ่งมีผลอย่างมากต่อทั้งต้นทุนและวิธีทำตลาด ...ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ก็เพราะ ยอดขายที่เกินคาดของ xv

ตอนเปิดราคามาเมื่อกว่า 2 ปี จำได้ว่า ตอนนั้นเห็นมีแต่คนพูดว่า ราคาดี ราคาไม่แพง ...ผมเองก็คิดเช่นนั้น และสนใจมากๆ ติดแต่ว่า ตนเองก็มี suv ใช้อยู่และยังไม่คิดจะขาย อีกทั้งยังไม่อยากเพิ่มภาระทางการเงินของตนเอง

...ตอนนี้ คงต้องดูต่อไปว่า เมื่อ MIT กับ Subaru ต้อง mass มากขึ้น จะวางแนวทางการขายและที่สำคัญ การให้บริการลูกค้า ได้ดีหรือไม่อย่างไร

rafarel

  • ชั่วโมงขับสองหมื่นไมล์
  • ****
  • กระทู้: 362
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: February 14, 2015, 23:38:48 »
สรุป xv มี หลายรุ่นย่อย   :-[
รุ่น 1.35 /  รุ่น  1.39  / รุ่น 1.25 / รุ่น 1.19 และ สุดท้าย รุ่น .998

  :)) :)) :)) ขำๆนะครับ เพราะผมก็โดนรุ่น 1.35 เป็นไปได้อยากให้ MIT ขยายเวลาการันตี  และ ฟรีค่าบริการ ของลูกคัา ที่ซื้อก่อนวันที่ 1 พย 57

จากเดิม 100000 กิโลเมตร หรือ 5 ปี เป็น 150000 กิโลเมตร หรือ 6 ปี ก็จะดีนะครับ  :-[ :-[

HSV2

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 25
    • ดูรายละเอียด
Re: [บทความ]การปรับลดราคาXV
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: February 15, 2015, 19:37:57 »
พอดีเห็นว่ามีดราม่าเรื่องนี้กันหนาหูพอสมควรเลยจะมาลองเขียนเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยการตั้งราคาดังกล่าว ในความคิดเห็นของผมบ้างละกันนะครับ [ไม่ได้ใช้หลักการใดๆทั้งสิ้นในการเขียนนะครับ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ]

ทำความเข้าใจกันก่อน
- Subaru XV ทำการประกอบ(Assembly)ในประเทศมาเลเซีย โดยทำการนำเข้าชิ้นส่วนมาจากทางประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่(ประมาณ80%) โดยมีชิ้นส่วนบางชิ้นที่ผลิตในมาเลเซีย(ยางรถยนต์ กระจก เบาะ)เพื่อให้เข้าเกณฑ์การประกอบในประเทศนั้นๆ ดังนั้นตัวถัง/เครื่องยนต์/เกียร์/ช่วงล่าง นำเข้ามาจากญี่ปุ่นแน่นอน
[ตัวอย่างที่ยกให้ฟังง่ายๆ...เป็นกรณีMercedes / BMW ตัวที่ประกอบในประเทศไทย ก็ได้ทำการประกอบด้วยวิธีดังกล่าวเช่นกัน]

ปัจจัยด้านการผันผวนของค่าเงินเยน
- ย้อนกลับไปปี 2012 ในขณะนั้นค่าเงินเยนสูงมากเป็นประวัติการณ์ตีไว้ราวๆที่ใกล้เคียง 40 บาท / 100 เยน http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/02/E11750291/E11750291.html
- ย้อนกลับไปในปี 2013 ขณะนั้นค่าเงินเยนอยู่ที่ประมาณ 33-35 บาท / 100 เยน (และช่วงปลายปีก็อ่อนลงอย่างหนัก) http://fundmanagertalk.com/investment-talk-yen-yuan/
- ในปีปัจจุบัน 2014 ตอนนี้ค่าเงินอยู่ที่ประมาณ 27.5 บาท / 100 เยน

ในส่วนของความผันผวนของค่าเงิน...หากมองในความเห็นของผู้บริโภคต้องถือว่าทางบริษัทก็ใจกล้าในระดับนึงที่ได้ทำการลดราคาค่ารถลงไปตามความอ่อนตัวของค่าเงินเยน(ถ้าเขาอ้างเหตุผลนี้เป็นเหตุผลจริง) เนื่องจากราคาของรถยนต์ได้ลดลงตามมูลค่าค่าเงินใกล้เคียงกันอย่างมีนัยสำคัญ
- มีกรณีที่มีคนพูดว่าทำไมค่ายอื่นไม่ลดราคาตามด้วยละ >> ย้อนกลับไปดูข้อแรกครับSUBARU XV ประกอบด้วยชิ้นส่วนจากJapanร้อยละ80 แต่รถค่ายที่ผลิตในประเทศไทยส่วนมากจะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยเองร้อยละ60%-80%(อย่างToyotaมีแม้กระทั่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในประเทศ) [คันที่เข้าเค้าที่สุดใกล้เคียงในกรณีนี้มากที่สุดคือเจ้าToyota Prius ที่นำเข้าชิ้นส่วนมาทำการประกอบภายในประเทศเหมือนกับรถรุ่นพี่ของมันอย่างเจ้าTOYOTA Wish]
- กรณีดังกล่าวนี้ถ้าผมเป็นลูกค่าเก่าก็ช็อคกับราคาตั้งพอสมควร(จริงๆไม่ควรจะเป็นการลดราคาตั้ง ควรจะออกเป็นแคมเปญลดเพิ่มเติมเสียมากกว่า)

ยอดสั่งผลิตและประกอบรถยนต์
- จากข้อมูลอ้างอิงในหลายๆแหล่งโรงงานของตันจงในมาเลเซียสามารถผลิตเจ้าXVได้ประมาณปีละ 5000 คัน ดังนั้นทางบริษัทต้องทำการรักษายอดขายในภูมิภาคนี้ให้ได้ใกล้เคียงกับตัวเลขความสามารถในการผลิตรถยนต์ของทางโรงงาน(ผลิตได้5000คันเนี่ยต้องบอกเลยว่าโคตรน้อยเลยแหละ) ดังนั้นเป็นไปได้ยากมากในการที่ทางโณงงานจะสั่งชิ้นส่วนอะไรประหลาดๆเข้ามาทำการStockและผลิต(จะพูดว่าโรงงานมันเล็กก็คงไม่ผิด) เลยเป็นที่มาของSubaru XV ที่สามรุ่นย่อยไส้ในนี่เหมือนกันหมดไม่มีอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เพราะง่ายต่อการStockชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ รวมถึงง่ายต่อไลน์ประกอบรถยนต์อีกด้วย(ผลิตทีเดียว ค่อยมาเปลี่ยนข้างนอกเอาทีหลัง)

ความสามารถในการแข่งขันของSubaru
- ใครเคยเป็นแฟนซูบารุจะเข้าใจได้ว่า10ปีก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของซูบารุประเทศไทยได้เป็นอย่างดี หลังจากยอดขายถล่มทลายรุ่นสุดท้ายในประเทศคือImpreza รหัสตัวถังGC ที่ขายดีพอสมควรในยุคนั้น....พอเลยยุคนั้นมาก็มืดสนิท เพราะรถต้องนำเข้ามาจากญี่ปุ่นทั้งคันเจอกับอัตราภาษีมหาโหดเข้าไป.....ยกตัวอย่าง Impreza GD เครื่อง1600cc คันละ 1.6 ล้านบาท(ใครจะซื้อ) WRX STi 3.8 ล้านบาท ยอดขายรวมทั้งปีของบริษัทไม่ถึงร้อยคัน
- ยุคลืมตาอ้าปาก.....กลับมาในปี 2012 ซูบารุได้เกิดไอเดียบรรเจิด(หรือตันจงบรรเจิดไม่รู้) ขยับขยายโรงงานประกอบรถยนต์จากที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น มาทำการประกอบที่ต่างประเทศ....โดยมีฐานผลิตคือมาเลเซียทำการปั๊มเจ้าXVเข้ามาขายในภูมิภาคนี้....ซึ่งยอดขายในไทยกลับถล่มทลายสถิติของบริษัทอย่างไม่เคยเป็นไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้มีศูนย์บริการเกิดขึ้นมาอีกหลายแห่ง
- แต่เนื่องจากตามหลักเศรฐศาสตร์....Demandน้อย Supplyก็เลยต้องน้อย ดังนั้น Supplyน้อยจึงต้องมีราคาแพงกว่าพวกที่มีความต้องการสูง.... ยอดขายในไทยปีแรกอยู่ที่ประมาณ 3000 คัน ซึ่งถ้านับกับรถในตลาดก็ถือว่าน้อยมาก(น้อยกว่าViosต่อเดือน หรือเท่ากับยอดขายCamry/accordเพียงสองเดือน) ราคาจึงถือว่ายังกระโดดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน

BRANDING
- ทำความเข้าใจกันก่อน.....บินข้ามไปยังประเทศญี่ปุ่น SUBARU ก็ถือว่าเป็นโรงงานผลิตรถขนาดกลาง(ห่างชั้นกับสามยักษ์แห่งญี่ปุ่นอยู่เยอะ Toyota Honda Nissan ไหนจะมียักษ์แห่งฮิโรชิม่าอย่างเจ้าMazdaขวางคออีก) ที่มีจุดเด่นของตัวเองคือระบบขับเคลื่อนแบบAWD แต่ในประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นรถบ้านๆคันนึงเหมือนกัน
- ส่วนในประเทศไทย ยุคก่อนถือเป็นรถอีกระดับเพราะว่าถ้าไม่รู้จักว่าSubaruเป็นรถกระป๊อ ก็ต้องรู้จักSubaruว่าเป็นรถซิ่งด้วยเรือธงอย่างเจ้าImpreza
- การเปิดตลาดใหม่ในประเทศไทยคนเลยเข้าใจว่าเป็นรถระดับพรีเมี่ยม แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไม่ใช่เลย.....ความจริงตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างจากรถยี่ห้อเดียวกับบ้านเกิดมันเท่าไหร่ เพียงแต่บริษัทอื่นเขามีสายการผลิตและภาษีในไทย ส่วนซูบารุ....ใส่เรือข้ามทะเลมาขายอย่างเดียว(เราเลยมีK-car ราคาล้านสองขาย ด้วยเครื่องยนต์650cc)

Segment
- หากเปรียบมวยแล้ว...ด้วยราคาขายตอนแรกของXV อยู่ที่ 1.35 ล้านบาท มันจึงถูกจับไปชกกับ CR-V แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึงเจอชนกับCX-5แบบไม่ต้องลุ้น ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นมวยคนละรุ่น เนื่องจากรุ่นพี่ของมัน Forester ดันประกอบญี่ปุ่นค่าตัวจึงพุ่งสูงปรี๊ดไม่อาจลงมาชกกันได้ในราคานี้
- หากจะชกกันให้ถูกรุ่นแล้ว XV จะต้องชกกันกับ HOnda Vezel(HR-V) หรือ CX-3 เท่านั้น

เทียบราคากันแบบตัวต่อตัว
CR-V 2.0 >>> 2.5 ล้านเยน
CR-V 2.4 >>> 2.8 ล้านเยน
http://www.honda.co.jp/CR-V/

Mazda CX-5 ราคาตั้งแต่ 2.5 - 3.4 ล้านเยน
https://ssl.mazda.co.jp/purchase/estimate/cx-5?link_id=c5toolbr

Subaru XV
2.0i - 2.25 ล้านเยน
2.0i-L - 2.45 ล้านเยน
2.0i Isight - 2.55 ล้านเยน
2.0 Hybrid - 2.57 ล้านเยน
http://www.subaru.jp/xv/xv/

็Honda Vezel
1.5 ธรรมดาFF 2.0 ล้านเยน
1.5 Hybrid 4WD 2.7 ล้านเยน
1.5 Hybrid FF 2.5 ล้านเยน
http://www.honda.co.jp/VEZEL/

จะเห็นกันชัดๆว่าราคาในญี่ปุ่น Position มันเกือบจะชนกับ HRV แบบตรงๆกันเลยทีเดียว

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหากยังขายXVด้วยราคาปัจจุบันที่ Position รถมันผิดเพี้ยนในอนาคตยังไงก็ไม่รอด.....ยิ่งการมาของ Forester ประกอบในSEAอีกรุ่นนึงจะไม่สามารถทำได้....ยังไงวันที่จะต้องปรับ Position จะต้องมาถึงอย่างแน่นอน ไม่งั้น Forester จะไม่สามารถนำมาตั้งราคาขายที่ 1.4-1.6 ล้านบาท ให้ชนกับพวก CRV / CX5 / X-trail ได้

ส่วนท่านที่เพิ่งซื้อช่วงมอเตอร์โชว์ปลายปี2014 ท่านอย่าเสียใจครับ....ส่วนต่างของท่านกับปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5000-10,000 บาทโดยประมาณ (เห็นตอนนั้นซื้อสดก็ไม่ถึงล้านแล้วนิน่า) แต่สำหรับท่านที่ซื้อแต่แรกต้องขอแสดงความเสียใจจริงๆครับกับราคาในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่าเพิ่งมองว่าการปรับราคาตั้งจะเป็นข้อเสียไปซะหมด มันมีข้อดีแฝงอยู่
- รถจะสามารถจำหนายได้มากขึ้นในตลาด....แปลว่าทางบริษัทสามารถสำรองอะไหล่ได้มากขึ้นตามจำนวนรถที่มีขายในตลาดได้
- จำนวนรถที่เยอะขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเปิดตัวแทนจำหน่ายได้มากขึ้น รวมถึงการทำศูนย์บริการได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ยังไงรถที่มียอดขายรวม 4000 คัน.....กับที่มียอดขายรวม 10,000 คัน การเก็บสต็อคอะไหล่ก็จะต้องต่างกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
- รากฐานบริษัทแข็งแรงขึ้นในอนาคตที่จะเปิดตลาดในไทย เพราะยอดขายในไทยสูงขึ้นเขาจะมองว่ามีความน่าลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่เพียงว่าขอให้ทางบริษัทสามารถแก้ปัญหาเรื่องราคาที่เปลี่ยนไปให้ทางผู้บริโภคส่วนใหญ่พอที่จะรับได้(คือถามว่าตอนนั้นเขากำไรเยอะกว่านี้ไหม ผมตอบตามค่าเงินเยน.....ผมว่าบริษัทน่าจะกำไรพอๆกับที่ขายตอนนี้) ถ้าถามว่าจะให้แจกส่วนลด 50,000-100,000 ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็หวังว่าคงจะมีอะไรมาแจกเพื่อให้ลูกค้าได้สบายใจกันบ้างนะครับ

และคาดหวังว่าในอนาคตทางSubaruและMIT จะมองเห็นความสำคัญของตลาดไทยที่จะมามุ่งลงทุนในประเทศเรามากขึ้นนะครับ......(เห็นมีแว่วๆจะเปิดโรงงานในไทยด้วย)

Line-up ช่วงปีหน้าที่ForesterผลิตในSEAคาดว่าจะเป็นราคาดังนี้
Subaru XV 1ล้านบาท-1.2ล้านบาท
Subaru Forester 1.4 ล้านบาท - 1.6 ล้านบาท
[ภาคฝันลมๆแล้งๆ ถ้าเขาเอาImprezaประกอบไทย]
Impreza 2.0 ราคา 1 ล้านบาท
Impreza WRX 1.5 ล้านบาท
Legacy 1.6 ล้านบาท

สรุปแบบสั้นๆ - ยังไงไม่ช้าก็เร็วผมว่าXVก็น่าจะต้องลดราคามาเป็นราคาที่เห็นในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพื่อปรับPositionให้ตรงกับที่สามารถขายได้ รวมถึงเพื่อให้รุ่นอื่นๆสามารถทำตลาดได้ด้วย

ปล.แล้วถ้าเงินเยนขึ้นมันจะขึ้นราคารถไหมเนี่ย!!!
ขอบคุณครับ สำหรับบทความ คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงตามที่เขียนมาครับ และทำให้ผมมีข้อมูลมาวิเคราะห์การตลาดของกลุ่ม Tan Chong ยังไงจะรอดูการเข้ามาทำตลาดของฟอเรสเตอร์ต่อไปครับ