ผู้เขียน หัวข้อ: แชร์ประสบการณ์ วิธีขับ xv ในกรุงเทพให้ประหยัดน้ำมัน  (อ่าน 11437 ครั้ง)

Farid1412

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 18
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับ  พอดีผมเห็นในกระทู้ถามอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มีหลายท่านบ่นว่า xv กินน้ำมันค่อนข้างดุ  เท่าที่ผมใช้มาซักพักนึง  ผมว่ามันขึ้นอยู่กับเท้าเราเป็นส่วนใหญ่เลยครับ  เวลาผมขับแบบรีบเร่ง ลงเท้าค่อนข้างหนัก ไอ้เจ้า xv ก็กินดุทีเดียวเลย  :คริคริ:

แต่ถ้าขับแบบเข้าใจธรรมชาติรถเกียร์ cvt จิ้มเบาๆ ปล่อยไหล ไม่คิกดาวน์ ผมว่ามันประหยัดใช้ได้เลยนะ

แต่ต้องเข้าใจว่ายังไงก็ประหยัดสู้รถ C-Segment หรือคู่แข่งอย่าง hr-v ก็คงไม่ไหว  เพราะ xv ทั้งหนักกว่าและขับสี่ฟูลไทม์ แต่เท่าที่ผมขับมาก็ถือว่าประหยัดใช้ได้นะครับ

ผมอยู่กรุงเทพย่านที่รถค่อนข้างติด  คือแถวแยกเกษตร ถนนที่ขับส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นละแวกนี้ พหลโยธิน นวมินทร์ วิภาวดีรังสิตเป็นหลัก อาจผ่านไปรัชดา รามคำแหง ลาดพร้าวบ้างตามโอกาส  อาจรถติดไม่หนักเท่าแถวกลางเมืองแต่ก็ถือว่าค่อนข้างสาหัส  ผ

ปกติผมเติมน้ำมันจะรีเซ็ตทริปตลอด เลยจับอัตรากินน้ำมันมาเฉลี่ยดู  ได้ประมาณ 9-10 กิโล/ลิตรครับ เฉลี่ยราวๆนี้แทบทุกถัง  กินหนักสุดคือวันก่อนที่มีน้ำท่วมขัง  ผมขับไปติดที่รัชดาอยู่ครึ่งวัน  สาหัสสุดๆ  ถังนั้นเหลือแค่ 7.5 กิโล/ลิตร น้ำมันผมเติม E20 เป็นส่วนมาก นานๆจะเติมโซฮอล์ 95 ปนๆไปบ้าง

วิธีขับ xv ให้ประหยัดในเมืองใหญ่  ผมทำแบบนี้ครับ
1. เวลาออกตัว หรือเร่งเครื่อง พยายามประคองให้รอบวิ่งเรี่ยๆ 2,000 rpm  ที่รอบประมาณสองพันรอบ รถจะค่อยๆเร่งไปเรื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป เป็นความเร่งที่เหมาะสมครับ
2. เวลาวิ่งปกติ ให้เลี้ยงรอบไม่ให้เกิน 1,500 rpm  เกียร์ cvt ค่อนข้างเซนซิทีฟ เหยียบน้ำหนักเพิ่มนิดเดียว พวกเร่งรอบเพิ่มให้เป็นพัน  ลองค่อยๆถอนคันเร่งดู จนถึงรอบที่เหมาะสมค่อยเหยียบคงที่ไว้ครับ
3. ถ้าทางข้างหน้าเป็นเนินลง หรือติดไฟแดง ให้ถอนคันเร่งแล้วปล่อยไหลดูครับ รถจะยังไหลไปได้ด้วยความเร็วเกือบเท่าเดิมได้อีกไกลพอสมควร  แล้วค่อยเหยียบเบรกตอนใกล้ๆถึงรถคันหน้า
4. อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหมนะครับ ปกติเวลาติดไฟแดง ผมมักเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N แล้วดึงเบรกมือ (ถ้ารถไหล)  ผมทำประจำ รู้สึกว่าจะประหยัดว่าใส่เกียร์ D ไว้ตลอดอยู่นิดหน่อยครับ

คร่าวๆราวๆนี้ครับ  ผมใช้วิธีดังนี้  ขับในกทม.ได้อัตราสิ้นเปลืองตามที่บอก  ยิ่งถังล่าสุดเจอรถติดค่อนข้างมาก ความเร็วเฉลี่ยแค่ 22-23 กม./ชม.  ได้อัตราสิ้นเปลือง 9 กม./ลิตรพอดี  ถังนี้เติม e20 ครับ  ส่วนตัวคิดว่าประหยัดมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก   :วิดวิ้ว:

ton-fb20

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 19
    • ดูรายละเอียด

pakadon

  • ชั่วโมงขับหนึ่งหมื่นไมล์
  • ***
  • กระทู้: 110
    • ดูรายละเอียด

chanaphat

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด
ผมเคยเห็นบทความผ่านตามาว่า เวลารถติดแล้วเปลี่ยนเกียร์จาก D เป็น N จะส่งผลต่อเกียร์ในระยะยาวนะครับ แต่ก็มีบางบทความที่ให้ความเห็นขัดแย้งกัน จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี  ??? แต่สำหรับผมถ้าติดไฟแดงนานมากๆ ผมก็เปลี่ยนเป็น P หรือ N แล้วไม่เหยีบบเบรคครับ แต่ถ้าไม่นานมากก็ D แล้วเหยียบเบรคเอาครับ

link ด้านล่างเป็นบทความที่มีทั้งแนะนำให้เปลี่ยนเกียร์ และไม่ควรเปลี่ยนครับ ก็ลองพิจารณากันเองดีกว่านะครับ
แบบแนะนำ http://auto.sanook.com/5152/
แบบไม่แนะนำ http://www.aspautoservice.com/trick-3.html


Ake

  • ชั่วโมงขับหนึ่งหมื่นไมล์
  • ***
  • กระทู้: 203
    • ดูรายละเอียด
ปกติผมก็ใส่เกียร์ N ตอนติดไฟแดงนานเหมือนกันครับ
 
เท่าที่ลองจับความรู้สึกเอา เวลาใส่เกียร์ D เหยียบเบรคค้างแล้วเครื่องมันจะสั่นกว่าปกตินิดๆ ในขณะที่ใส่เกียร์ N เครื่องจะหยุดสั่นและเหมือนรอบจะเดินเบาลงด้วยนิดหน่อย (ลองกับรถที่บ้าน คันนึง Fortuner 2.5 ดีเซลกับ Civic FD 1.8 )

ซึ่งก็ตรงกับบทความที่แนะนำให้ใส่ N เมื่อรถหยุดนานๆ เพื่อลดภาระของ Torque Convertor  :-*

Farid1412

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 18
    • ดูรายละเอียด
ผมเคยเห็นบทความผ่านตามาว่า เวลารถติดแล้วเปลี่ยนเกียร์จาก D เป็น N จะส่งผลต่อเกียร์ในระยะยาวนะครับ แต่ก็มีบางบทความที่ให้ความเห็นขัดแย้งกัน จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี  ??? แต่สำหรับผมถ้าติดไฟแดงนานมากๆ ผมก็เปลี่ยนเป็น P หรือ N แล้วไม่เหยีบบเบรคครับ แต่ถ้าไม่นานมากก็ D แล้วเหยียบเบรคเอาครับ

link ด้านล่างเป็นบทความที่มีทั้งแนะนำให้เปลี่ยนเกียร์ และไม่ควรเปลี่ยนครับ ก็ลองพิจารณากันเองดีกว่านะครับ
แบบแนะนำ http://auto.sanook.com/5152/
แบบไม่แนะนำ http://www.aspautoservice.com/trick-3.html

ผมเอาตามสะดวกตัวเองน่ะครับ  ถ้ารถติดไฟแดงนานๆ ผมก็เข้าเกียร์ N ถ้าติดไม่กี่วิ ก็เหยียบเบรกค้างไว้เฉยๆ


ปกติผมก็ใส่เกียร์ N ตอนติดไฟแดงนานเหมือนกันครับ
 
เท่าที่ลองจับความรู้สึกเอา เวลาใส่เกียร์ D เหยียบเบรคค้างแล้วเครื่องมันจะสั่นกว่าปกตินิดๆ ในขณะที่ใส่เกียร์ N เครื่องจะหยุดสั่นและเหมือนรอบจะเดินเบาลงด้วยนิดหน่อย (ลองกับรถที่บ้าน คันนึง Fortuner 2.5 ดีเซลกับ Civic FD 1.8 )

ซึ่งก็ตรงกับบทความที่แนะนำให้ใส่ N เมื่อรถหยุดนานๆ เพื่อลดภาระของ Torque Convertor  :-*

ผมก็เข้าใจตามนี้ครับ   :วิดวิ้ว:

Pisarn

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 22
    • ดูรายละเอียด
ผมชินกับเท้าหนัก ตอนนี้อยู่ในช่วงปรับการขับ  :-\ :-\ :-\ 

ipekbonk

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด
ผมก็ยัง งง ว่าติดไฟแดงแล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ N มันจะทำให้เกียร์พังเร็วเหรอ? เพราะมันก็เหมือนเราใส่เกียร์ว่างปกติ ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะดีกว่าใส่ D ค้างซะด้วยซ้ำ เพราะเวลาเราใส่ D รถมันพยายามจะไปข้างหน้าตลอดแต่โดนเบรคไว้ มันไม่สึกหรอเยอะกว่าเหรอ? หรือตอนเช้าเราวอร์มเครื่องรถแล้วเข้า N ไว้ เกียร์มันจะพังเหรอ? ผมไม่ได้มีเจตนาจะกวนนะคับแต่ผมแค่สงสัยมันยังไงกันแน่ บางคนบอกใส่ D บางคนบอกใส่ N

อันนี้ประสบการณ์ผมตรงของผมนะ .. ผมขับ Civic dimention รุ่นนี้เกียร์เปราะบางมากๆ ผมขับติดไฟแดงผมใส่ D แล้วเหยียบเบรคปรากฏว่ารถผมวิ่งประมาณสองแสนกิโลเกียร์พัง พอผมคุยกับช่าง เขาบอกว่ารถเขาขับมาเยอะกว่าผมอีกเวลาติดไฟแดงเขาใส่เกียร์ N ตอนนี้เกียร์ยังอยู่ดี ผมล่ะงง  :-X

มดแดง

  • ชั่วโมงขับห้าพันไมล์
  • **
  • กระทู้: 95
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับ  พอดีผมเห็นในกระทู้ถามอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มีหลายท่านบ่นว่า xv กินน้ำมันค่อนข้างดุ  เท่าที่ผมใช้มาซักพักนึง  ผมว่ามันขึ้นอยู่กับเท้าเราเป็นส่วนใหญ่เลยครับ  เวลาผมขับแบบรีบเร่ง ลงเท้าค่อนข้างหนัก ไอ้เจ้า xv ก็กินดุทีเดียวเลย  :คริคริ:

แต่ถ้าขับแบบเข้าใจธรรมชาติรถเกียร์ cvt จิ้มเบาๆ ปล่อยไหล ไม่คิกดาวน์ ผมว่ามันประหยัดใช้ได้เลยนะ

แต่ต้องเข้าใจว่ายังไงก็ประหยัดสู้รถ C-Segment หรือคู่แข่งอย่าง hr-v ก็คงไม่ไหว  เพราะ xv ทั้งหนักกว่าและขับสี่ฟูลไทม์ แต่เท่าที่ผมขับมาก็ถือว่าประหยัดใช้ได้นะครับ

ผมอยู่กรุงเทพย่านที่รถค่อนข้างติด  คือแถวแยกเกษตร ถนนที่ขับส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นละแวกนี้ พหลโยธิน นวมินทร์ วิภาวดีรังสิตเป็นหลัก อาจผ่านไปรัชดา รามคำแหง ลาดพร้าวบ้างตามโอกาส  อาจรถติดไม่หนักเท่าแถวกลางเมืองแต่ก็ถือว่าค่อนข้างสาหัส  ผ

ปกติผมเติมน้ำมันจะรีเซ็ตทริปตลอด เลยจับอัตรากินน้ำมันมาเฉลี่ยดู  ได้ประมาณ 9-10 กิโล/ลิตรครับ เฉลี่ยราวๆนี้แทบทุกถัง  กินหนักสุดคือวันก่อนที่มีน้ำท่วมขัง  ผมขับไปติดที่รัชดาอยู่ครึ่งวัน  สาหัสสุดๆ  ถังนั้นเหลือแค่ 7.5 กิโล/ลิตร น้ำมันผมเติม E20 เป็นส่วนมาก นานๆจะเติมโซฮอล์ 95 ปนๆไปบ้าง

วิธีขับ xv ให้ประหยัดในเมืองใหญ่  ผมทำแบบนี้ครับ
1. เวลาออกตัว หรือเร่งเครื่อง พยายามประคองให้รอบวิ่งเรี่ยๆ 2,000 rpm  ที่รอบประมาณสองพันรอบ รถจะค่อยๆเร่งไปเรื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป เป็นความเร่งที่เหมาะสมครับ
2. เวลาวิ่งปกติ ให้เลี้ยงรอบไม่ให้เกิน 1,500 rpm  เกียร์ cvt ค่อนข้างเซนซิทีฟ เหยียบน้ำหนักเพิ่มนิดเดียว พวกเร่งรอบเพิ่มให้เป็นพัน  ลองค่อยๆถอนคันเร่งดู จนถึงรอบที่เหมาะสมค่อยเหยียบคงที่ไว้ครับ
3. ถ้าทางข้างหน้าเป็นเนินลง หรือติดไฟแดง ให้ถอนคันเร่งแล้วปล่อยไหลดูครับ รถจะยังไหลไปได้ด้วยความเร็วเกือบเท่าเดิมได้อีกไกลพอสมควร  แล้วค่อยเหยียบเบรกตอนใกล้ๆถึงรถคันหน้า
4. อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหมนะครับ ปกติเวลาติดไฟแดง ผมมักเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N แล้วดึงเบรกมือ (ถ้ารถไหล)  ผมทำประจำ รู้สึกว่าจะประหยัดว่าใส่เกียร์ D ไว้ตลอดอยู่นิดหน่อยครับ

คร่าวๆราวๆนี้ครับ  ผมใช้วิธีดังนี้  ขับในกทม.ได้อัตราสิ้นเปลืองตามที่บอก  ยิ่งถังล่าสุดเจอรถติดค่อนข้างมาก ความเร็วเฉลี่ยแค่ 22-23 กม./ชม.  ได้อัตราสิ้นเปลือง 9 กม./ลิตรพอดี  ถังนี้เติม e20 ครับ  ส่วนตัวคิดว่าประหยัดมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก   :วิดวิ้ว:

ทำทุกอย่างแล้วครับ แต่ได้ประมาณ 7กม/ลิตร ตลอด.เพราะความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 15กม/ชม ครับ :runrun:

veerawat007

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 45
    • ดูรายละเอียด

geflame9

  • ชั่วโมงขับหนึ่งหมื่นไมล์
  • ***
  • กระทู้: 119
    • ดูรายละเอียด
ผมเคยเห็นบทความผ่านตามาว่า เวลารถติดแล้วเปลี่ยนเกียร์จาก D เป็น N จะส่งผลต่อเกียร์ในระยะยาวนะครับ แต่ก็มีบางบทความที่ให้ความเห็นขัดแย้งกัน จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี  ??? แต่สำหรับผมถ้าติดไฟแดงนานมากๆ ผมก็เปลี่ยนเป็น P หรือ N แล้วไม่เหยีบบเบรคครับ แต่ถ้าไม่นานมากก็ D แล้วเหยียบเบรคเอาครับ

link ด้านล่างเป็นบทความที่มีทั้งแนะนำให้เปลี่ยนเกียร์ และไม่ควรเปลี่ยนครับ ก็ลองพิจารณากันเองดีกว่านะครับ
แบบแนะนำ http://auto.sanook.com/5152/
แบบไม่แนะนำ http://www.aspautoservice.com/trick-3.html

 เป็นอะไรที่พูดคุยกันมานาน แต่อันหนึ่งที่น่าคิดสำหรับ เกียร์รุ่นใหม่อย่าง xv  คือเป็นเกียร์ CVT ที่ใช้สายพานเหล็กหรือโซ่เหล็กเป็นอุปกรณ์.
หลักในการขับซึ่งจะแต่ต่างกับเกียร์ที่ใช้ระบบคลัทล์แรงดัน ดังั้นสำหรับผมเลือกที่จะใช้วิธืปลดเป็น N  ในกรณีที่อยุดรอไฟแดงแต่ถ้าติดแบบลักษณะเคลื่อนตัวได้ก็คงจะเลือกใส่เบรคมือหรือเยียบเบรค ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: July 10, 2015, 11:08:26 โดย geflame9 »

CL-N4

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 29
    • ดูรายละเอียด
หากจะมีผลเรื่องเกียร์ ก็น่าจะเป็นจำนวนครั้งของการเปลี่ยนเกียร์  N ไป D หรือ  D ไป N นะครับ ซึ่งต้องเพิ่มเป็นเท่าตัวในแต่ละวัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเปลี่ยนเกียร์บ่อยไม่ได้นะครับ...

otto63

  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 41
    • ดูรายละเอียด
ผมว่าจาก n ไป d มันมีแรงบิดไปกระทำกับชุดเกียรมากกว่าใส่d แล้วเหยียบเบรคนะครับ
สังเกตุว่าเวลาใส่เกียรdปุ้บ ถ้าไม่เหยียบเบรคไว้ รถจะกระฉากออกไปแรงกว่าการเหยียบเบรค
ไว้แล้วปล่อย  ตรงนี้ที่จะทำให้ชุดเกียรมีการสึกหรอมากกว่าปกติครับ ดังนั้น ผมว่าบ่อยๆคงไม่ดี

Ynot7

  • ชั่วโมงขับหนึ่งหมื่นไมล์
  • ***
  • กระทู้: 145
    • ดูรายละเอียด
เรื่อง n ไป d หรือ d ไป n บทความส่วนมากเขียนกันมาเป็น 10 ปีกับเทคนโนโลยีเกียร์รุ่นเก่ามากกกก

รถรุ่นหลังๆ ผมว่ามีผลน้อยมาก จะเปลี่ยนบ่อยแค่ไหนก็ไม่น่าจะบ่อยจนเป็นสาเหตุหลักถ้าเกียร์จะพังนะครับ ขออย่างเดียวรอให้รถนิ่งสนิทค่อยเปลี่ยนก็พอ


ส่วนเรื่องขับรถประหยัดในกทม ผมว่าการปล่อยไหลเนี่ยแหละครับเป็นทริกที่สำคัญท่่สุด เพราะ xv รถหนักมาก โมเมนตัมมันเยอะ ผมยังกะไม่ค่อยถูกเลย เพราะมาจากรถเบาๆอย่างแจ๊ซ ปล่อยไหลได้หน่อยก็หยุดแล้วแต่ xv ไหลไกลกว่ามาก เวลาออกตัวระหว่างรถติดแค่แตะเบาๆก็ไหลไปได้ไกลแล้ว ถ้าทำได้จริงๆเน้นแค่การแตะคันเร่งเบาๆ ปล่อยไหลเรื่อยๆ ประหยัดไปเยอะ

Deva

  • ชั่วโมงขับห้าพันไมล์
  • **
  • กระทู้: 90
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากครับ  :respected: จะได้เอาไปใช้บ้าง